12 เรื่องต้องรู้ก่อนซื้อประกันสุขภาพ – ไม่รู้ ไม่ได้!
เวลาเราทำประกันสุขภาพ ใครๆก็อยากได้ข้อมูลเยอะๆเพื่อประกอบการพิจารณา แล้วหลังจากโอเคกับแผนล่ะ? เงื่อนไขต่างๆ เคสการใช้งานจริง โบรชัวร์หรือข้อเสนอต่างๆของบริษัทไม่เคยระบุไว้เลย
ซึ่งอันนี้คือปัญหาที่สำคัญมากๆที่โบรชัวร์ไม่บอกคุณ หรือบางช่องทางไม่ได้ระบุหรือชี้แจงไว้
ลูกค้าหลายท่านที่สอบถามเข้ามา ฟลุคพยายามอธิบายรายละเอียดให้เข้าใจง่ายที่สุด ละเอียด ปกปิดข้อควรถามมากที่สุด ซึ่งฟลุคได้รวบรวมสิ่งที่ “จำเป็น” ต้องรู้ก่อนทำประกันทั้งหมด 12 ข้อ (นอกเหนือจากคำถามที่พบบ่อย หรือ FAQ ในแต่ละหน้าของผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ
1. อย่าพึ่งตรวจสุขภาพก่อนทำประกัน
ในฐานะตัวแทนจะบอกเลย “จริงครับ“ และมากไปกว่านั้นเราไม่ควรตรวจสุขภาพหลังจากที่ทำประกันแล้วประมาณ 1 ปีอีกด้วยเช่นกัน แม้ว่าคำบอกเล่าจะฟังดูแปลกๆ แต่ว่าสิ่งนี้จะทำให้กระบวนการสมัครผ่านไปอย่างราบรื่นมากเลยทีเดียว
เพราะก่อนตรวจสุขภาพเราจะเหมือน “รถป้ายแดง” แต่หากมีตำหนิแล้วเราจะไม่ใช่รถป้ายแดงคันดี คันเดิม อีกต่อไป จากทีบริษัทจะรับแบบผ่านฉลุย กลับกลายเป็นปฏิเสธเราเสมือนแท็กซี่วิ่งผ่านหน้าและปฏิเสธผู้โดยสารแบบไร้เยื่อใย
แล้วถ้าถามว่า “บริษัทเรามีตรวจสุขภาพประจำปีล่ะ ไม่ตรวจก็กระไรอยู่” โดยรูปแบบการตรวจสุขภาพที่สามารถทำได้ คือการตรวจสุขภาพทั่วไป เช่น วัดความดัน X-ray ปอด เป็นต้น แต่ไม่แนะนำการตรวจตัวที่ขั้นสูงไปกว่านั้นเพราะอาจจะเจอ jackpot ขึ้นมาได้ ซึ่งทั้งหมดนี้เล่ามาจากเหตุการณ์จริง
ตัวอย่างจริง
โดยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาเคยมีลูกค้าท่านนึงได้ยื่นผลตรวจสุขภาพแบบขั้นสูง เช่น การฉีดสี echocardiogram หรือพวกการการตรวจวินิจฉัยรูปแบบ imaging system ตอนตรวจเสร็จคุณหมอที่ check-up ที่เป็นเฉพาะทางบอกไม่เจออะไร แต่คุณหมอฝ่ายพิจารณาบอกว่าเป็น แม้ทางการแพทย์จะบอกได้ว่าเสี่ยงต่ำมากๆ low-risk แต่คุณหมอฝ่ายบริษัทประกันกลับไม่รับประกันเลย
จากไม่เคยเจอ ไม่ป่วยอะไร อาจจะเจอ jackpot ขึ้นมาก็ได้ จากที่จะทำประกันแล้วผ่านฉลุย กลายเป็นบริษัทประกันไม่รับเลย สิ่งที่ฟลุคแนะนำ ไม่ใช่การปกปิดประวัติ แต่เป็นการทำให้ประวัติสุขภาพของเราคลีนที่สุด (ซึ่งบริษัทประกันทุกแห่ง concern เรื่องนี้มากๆ เป็นนิดเป็นหน่อย บริษัทประกันเล่นใหญ่ตลอดเลยวิ) จะเห็นว่าเราก็ไม่แนะนำตรวจสุขภาพหลังทำประกัน 1 ปีอีกด้วยนะ อันนี้หมายถึงตรวจสุขภาพแบบ full-option สแกนตับไตไส้พุงเห็น
2. เป็น LGBTQ+ ทำประกันได้ไหม และให้แฟนเป็นผู้รับผลประโยชน์ได้ไหม
เนื่องจากในปัจจุบัน กฎหมายสมรสเท่าเทียมยังไม่ได้ถูกบังคับใช้อย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งฟลุคก็เป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนบุคคลกลุ่มนี้เพราะเห็นว่าทุกคนควรมีสิทธิที่เท่าเทียมกันไม่ว่าจะเพศไหนก็ตาม เนื่องจากบริษัทประกันทุกที่กลัวเรื่องการทำร้ายร่างกายถึงชีวิตเพื่อมุ่งหวังเอาเงินประกันมากๆไม่ว่าจะเพศเดียวกันหรือคนละเพศก็ตามสำหรับบุคคลที่ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือด
ทีนี้ในเคสของ LGBTQ+ จะซับซ้อนขึ้นอีกนิดนึง ดังนั้นการที่จะให้แฟนเราเป็นผู้รับผลประโยชน์ได้ จากที่เคยทำเคสแล้วผ่านมี 2 วิธี คือ
1. ทำประกันพร้อมกันทั้ง 2 คนพร้อมยกผลประโยชน์ให้แก่กันและกัน
2. มีการทำธุรกรรมร่วมกันและมีความเกี่ยวข้องกันด้านกฎหมาย เช่น มีการกู้บ้านร่วมกัน
ตัวอย่างจริง
ผมมีลูกค้า 2 ท่านที่มีการกู้บ้านร่วมกัน รวมถึงธุรกรรมด้านการเงินต่างๆ กรมธรรม์อื่นๆที่ยกผลประโยชน์ให้กับอีกท่านหนึ่ง ดังนั้นตอนยื่นขอสมัครประกันก็แนบหรือชี้แจ้งหลักฐานต่างๆที่มีน้ำหนักเพียงพอ เป็นต้น
3. มีโรคประจำตัว บริษัทประกันจะรับไหม?
ในกรณีที่เรามีโรคประจำตัว บริษัทประกันจะรับหรือไม่ขึ้นอยู่กับโรคที่เป็น และความรุนแรงของโรคนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่นไซนัส กับมะเร็งเป็นต้น
- มีโรคประจำตัว เช่น โรคไซนัส
มีโรคประจำตัว และเคยมีประวัติการรักษาตามรพ.ต่างๆ ประกันสุขภาพตัวนี้จะคุ้มครองทุกโรคยกเว้นไซนัส (คุ้มครองทุกโรคยกเว้นโรคที่เป็นมาก่อนทำประกัน) และอาการสืบเนื่องทั้งหมด หมายความว่า การเจ็บป่วยที่มีต้นเหตุมาจากโรคไซนัสทั้งหมด เป็นต้น - หากเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ความดัน หรือ ไขมันในเลือดสูง
ทั้งนี้บริษัทจะรับประกันทันที เพิ่มเบี้ย หรือว่าไม่รับประกันขึ้นอยู่กับสุขภาพของท่านว่าแข็งแรง อยู่ในเกณฑ์ไหม และมีการดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง เป็นต้น ทั้งนี้จะต้องส่งข้อมูลให้บริษัทประกันพิจารณาก่อนครับ - สามารถส่งเรื่องให้บริษัทพิจารณารับประกันได้โดยไม่ต้องชำระเบี้ยหากแผนที่เราซื้อมีเบี้ยประกันต่อปีสูงกว่า 15,000 บาท
4. ค่อยถอนข้อยกเว้นประกันสุขภาพออกทีหลังได้ไหม
- สำหรับบางโรคที่สามารถรรักษาหายขาดได้แต่ขณะนั้นเรายังเป็นโรคนั้นอยู่ หากพ้นไปแล้ว 1-2 ปี เราดูแลตัวเองดีมากๆ ไปหาหมอแพทย์ระบุในใบรับรองแพทย์ว่าหายขาดแน่นอนแล้วนะ ให้นำหลักฐานทั้งหมดส่งเข้าบริษัทพิจารณาอีกรอบเพื่อถอนข้อยกเว้นดังกล่าวออกได้ครับโดยแจ้งผ่านตัวแทนของท่าน
- แต่หากบางโรคที่เป็นแต่ไม่สามารถรักษาหายขาดได้ เช่น โรคไทรอยด์ ถึงแม้ว่าอาจจะมีการกลืนแร่เพื่อรักษา แต่ในอนาคตอาการหรือโรคดังกล่าวสามารถกลับมาใหม่ได้ แม้ว่าจะ “รู้สึก” เหมือนหายดี หายขาดแล้วก็ตาม แต่ก็อาการไทรอยด์ก็ยังสามารถกลับมาเป็นได้ใหม่อีก หากมีการยื่นเพื่อถอดถอนข้อยกเว้นไป ก็จะถูกบริษัทปัดตกไปในที่สุด
5. ทำไมไม่มีประกันสุขภาพที่ครบถ้วนทุกอย่างเลยล่ะ เจ้านี้ดีด้านนั้น เจ้านั้นดีด้านนี้
ฟลุคก็เป็นคนนึงที่มีความคิดว่า “ทำไมบริษัทนึงไม่ทำแผนๆนึงให้ครบองค์ แผนเดียวจบ รู้เรื่องเลยหว่า” เพราะว่าถ้ามีแผนที่ครบทุกอย่างแบบจัดเต็ม จัดหนัก ครบวงจร เบี้ยประกันก็จะออกมาแพงมากๆเลยล่ะ
ดังนั้นจงไปเปรียบเทียบกันดู ว่าแต่ละบริษัทประกันจะมีจุดเด่น จุดด้อยของแต่ละที่ ให้ดูว่าแผนไหนของบริษัทไหนตอบโจทย์เรามากที่สุด ชื่อเสียงบริษัท ชื่อเสียงด้านการเคลม ส่วน option ไหนไม่มี สามารถซื้อเป็นสัญญาเพิ่มเติมได้ไหม หรอเอา benefits เฉพาะแบบที่แนบมาในกรมธรรม์ไว้อย่างเดียวดีกว่า
ขออนุญาตแนะนำแผน BLA Happy Health Premier ที่เหมาจ่ายทั้งค่าห้อง ค่ารักษาแบบ ครบ จบ เล่มเดียว!
6. ถ้าปกปิดประวัติสุขภาพจะเกิดอะไรขึ้น
- ประกันชีวิต
หากฆ่าตัวตายภายใน 1 ปี ปกปิดข้อมูลสุขภาพภายใน 2 ปี และถูกผู้รับผลประโยชน์ฆ่า จะไม่ได้รับเงินประกัน - ประกันสุขภาพ
หากปกปิดประวัติสุขภาพบริษัทมีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาได้ทุกเมื่อหลังจากทราบว่ามีการปกปิดประวัติ
7. ประกันสุขภาพอนุมัติ จะคุ้มครองทันทีเลยไหม? (Waiting period)
- ประกันสุขภาพ ชดเชย และOPD จะเริ่มคุ้มครองหลังอนุมัติ 30 วันสำหรับโรคทั่วไป และ 120 โรคสำหรับ 8 โรค ดังนี้
1.เนื้องอก/ถุงน้ำ/มะเร็งทุกชนิด
2.ริดสีดวงทวาร
3.ไส้เลื่อนทุกชนิด
4.ต้อเนื้อหรือต้อกระจก
5.การตัดทอนซิลหรืออดีนอยด์
6.นิ่วทุกชนิด
7.เส้นเลือดขอดที่ขา
8.เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ - ประกันชีวิต อุบัติเหตุ และทุพพลภาพจะเริ่มคุ้มครองทันทีหบังประกันอนุมัติ
- ประกันโรคร้ายแบบเจอจ่ายจะเริ่มคุ้มครองหลังอนุมัติแล้ว 90 วัน
แต่ถ้าเลยวันที่ไม่คุ้มครองมาไม่กี่วัน จะต้องดูจากสาเหตุการเจ็บป่วยก่อน เช่น ท้องร่วง (ไม่ใช่โรคเรื้อรังหรือโรคประจำตัว บริษัทก็จะจ่ายให้ปกติ) แต่ถ้าเกิดว่าเป็นการเจ็บป่วยที่ดูเหมือนว่ามาจากโรคเรื้อรัง หากเลยมาไม่กี่วันหรือไม่กี่เดือน บริษัทมีสิทธิ์ให้สำรองจ่ายก่อน เพื่อค้นหาประวัติและตรวจสอบว่าเราปกปิดหรือไม่ แต่ถ้าเลยมาหลายเดือนมากๆ เช่น 10 เดือน หรือ 2 ปีบริษัทจะดำเนินการให้เราตามปกติ
เนื่องจากบริษัทไม่สามารถเข้าฌาณถามพระพุทธเจ้า หรือ CEO จ้างนักสืบโคนันมาซักไทร้ประวัติเราทุกราย ดังนั้นประกันจะ based on ความไว้เนื้อเชื่อใจทั้งสองฝ่ายว่าได้แถลงความจริง บริษัทประกันกลัวเรื่องปกปิดประวัติสุขภาพของเราเป็นที่สุด
8. ต้องสำรองจ่ายก่อนไหม
เป็นคำถามที่ฮอตฮิตถามกันเข้ามาเยอะมากสำหรับประเด็นนี้ โดยฟลุคจะขอแบ่งออกเป็น 3 ประเด็นย่อย คือ
8.1 เพิ่งพ้นระยะเวลารอคอย
30 วันสำหรับโรคทั่วไป 120 วันสำหรับ 8 โรคอันตราย และ 90 วันสำหรับโรคร้ายแบบเจอจ่าย แต่ถ้าเกิดพบเจอความผิดปกติหลังทำประกันแล้ว 1-2 ปี ไม่ต้องห่วง แต่ถ้าเจอหลังพ้นระยะเวลารอคอย ไม่กี่วันหรือสัปดาห์ อาจถูกบริษัทตรวจสอบ เพราะพูดตรงๆว่าบริษัทประกันกลัวลูกค้าปกปิดประวัติมากๆ
8.2 กรณีก้ำกึ่ง ให้เช็คสิทธิ์ก่อน
ในกรณีที่ไม่ฉุกเฉิน เช่นต้องการผ่าติ่งเนื้อ เราจะต้องให้โรงพยาบาลทำการ ‘เช็คสิทธิ์’ กับบริษัทประกันเพื่อตรวจสอบสิทธิ์ต่างๆที่เรามีไว้อยู่ก่อนที่จะทำการผ่า โดยระยะเวลาของกระบวนการจะใช้เวลาประมาณ 3-5 วัน หรืออาจจะเร็วกว่านั้น
8.3 เป็นโรงพยาบาลคู่สัญญาไหม – สอนวิธีการดู
วิธีที่จะไม่ต้องสำรองจ่าย คือ ดูว่าโรงพยาบาลทีเราเข้าเป็นคู่สัญญากับกรุงเทพประกันชีวิตไหม ดูได้โดยผ่านลิ้งค์นี้
หากเราไปเที่ยวต่างจังหวัดแล้วเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยกระทันหันต้องเข้าโรงพยาบาล แนะนำให้สำรองจ่ายก่อนแล้วนำใบรับรองแพทย์กับใบเสร็จส่งให้ตัวแทนของท่านดำเนินการต่อไป
9. ประกันสุขภาพซื้อคู่กับอะไรได้บ้าง ต้องประกันชีวิตอย่างเดียวไหม?
ประกันชีวิต เนื่องจากประกันสุขภาพยาว ควรซื้อกับ
9.1 ประกันชีวิตยาว (ถึง 99 ปีด้วย) คือ ห่วงรักพรีเมียร์ 99 มีให้เลือกชำระเบี้ย 5 แบบคือ ครั้งเดียว 5 ปี 10 ปี 15 ปี 20 ปี โดยงวดยิ่งยาว เงินต่องวดยิ่งน้อย โดยเป็นเงินเก็บทั้งหมดเหมือนหยอดกระปุกและ ตลอดชีพ 99/99 จ่ายเบี้ยทุกปี แต่เบี้ยน้อยสุด
9.2 ประกันบำนาญ เช่น บำนาญ 99
ทำไมถึงไม่แนะนำประกันสะสมทรัพย์ใช่ไหม เนื่องจากความคุ้มครองสั้น ประกันเปรียบเสมือนบ้าน ส่วนสุขภาพหรือ option เสริมเปรียบเสมือนเฟอร์นิเจอร์ หากเราขายบ้าน(ปิดกรมธรรม์)สุขภาพก็จะจบไปด้วย ซึ่งเราก็อยากได้ประกันสุขภาพที่คุ้มครองยาวๆถูกต้องไหมครับ?
10. การนับวงเงินค่ารักษาประกันสุขภาพนับอย่างไร
การนับวงเงินประกันสุขภาพ ส่วนใหญ่จะใช้กับวงเงินค่ารักษาที่เป็นต่อโรคนะครับ เช่น BLA Happy Health เป็นต้น
1.ถ้าเราเข้ารพ.รอบที่ 1 กับ 2 จากคนละสาเหตุ จะต้องจ่ายเอง 30,000 บาทต่อครั้ง = 60,000 บาท
2.ถ้าเราเข้ารพ.จากสาเหตุเดียวกัน โดยรอบที่ 2 ห่างจากวันที่ออกรพ.ครั้งแรก เกิน 90 วันจะนับเป็นวงเงินใหม่ (จ่าย 30,000 บาท 2 รอบ)
3.ถ้าเราเข้ารพ.จากสาเหตุเดียวกัน โดยรอบที่ 2 ห่างจากวันที่ออกรพ.ครั้งแรก ไม่เกิน 90 วันจะนับเป็นวงเงินเดิม (จ่าย 30,000 บาทรอบเดียว)
11. เราสามารถเปลี่ยนแผนประกันสุขภาพไปมาระหว่างกันได้ไหม?
ไม่ได้ แต่หากเราอยากได้ประกันตัวใหม่จริงๆ แนะนำให้สมัครตัวใหม่ก่อนยกเลิกตัวเก่า 4-6 เดือน เพื่อที่ว่าจะได้รับความคุ้มครองต่อเนื่องเพราะประกันสุขภาพจะมีในเรื่องของ Waiting period หรือระยะเวลาที่ประกันสุขภาพไม่คุ้มครองเข้ามาเกี่ยวข้อง
12. ประกันสุขภาพเด็กต้องสมัครพร้อมพ่อแม่ไหม
ไม่ต้องครับเพราะว่าตัว BLA Value Health Kids ตัวใหม่นี้ไม่ต้องซื้อพร้อมผู้ปกครอง.แล้ว
ปรึกษาเราฟรี
โทร 080-294-5216
อีเมล contact@wunlawealth.com