14 สิ่งที่ต้องพกเวลาไปเที่ยวเมืองนอก
เตรียมตัว
1.1 หมอนรองคอแบบมีทีคลุมหัว/ผ้าปิดตา
ฟลุคเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาเรื่องการนอนบนเครื่องบินมากๆ เนื่องจากไฟน่าจะสว่าง ไม่ก็เครื่องน่าจะสั่นมากกว่าพาหนะที่มีล้อ (รถ รถไฟ ฯลฯ) เลยทำให้นอนไม่ค่อยหลับ เพราะปกติขึ้นรถปุ๊บจะง่วงทันที 555 วันก่อนไปเจอหมอนรองคอแบบมีผ้าปิดก็ว้าวมาก (แม้จะมีมาสักพักแล้ว) ลองซื้อมาดูปรากฎว่า…ติดใจ! หลับสนิท (หรืออาจเพราะง่วงมากก็เป็นได้ไม่ได้อยู่ที่อุปกรณ์เลย ฮ่าๆ) เลยมาป้ายยาเพื่อนๆไว้
หรืออีกเทคนิคส่วนตัวคือ หากเราเดินทางไปคนละ time zone เช่น Europe, USA ที่เวลาตรงกันข้ามกับไทย แนะนำให้
“ทำให้ตัวเองง่วงที่สุดก่อนขึ้นเครื่อง และพอไปถึงที่นู่นก็พยายามฝืนหลับให้มากที่สุด” ไม่รู้เป็นวิธีที่ถูกไหม แต่ช่วยแก้อาการ jet lag ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ
1.2 หูฟัง (Wireless/มีสาย) + In-flight entertainment
เวลาเราฟังเพลง หลายๆครั้งสายการบินจะมอบหูฟังมาให้ตอนขึ้นเครื่องแต่คุณภาพอาจจะอยู่ในระดับกลางๆ เสียงเบส เสียงร้องอาจจะไม่เร้าใจเท่าไหร่
ดังนั้นการพกหูฟังมีสายระดับเทพมาเอง (สำหรับดูหนังฟังเพลงของสายการเครื่องบิน) เป็นอะไรที่ฟินเฟร่อๆมากๆเช่นกัน อย่างไรก็ตามหลายๆสายการบิน โดยเฉพาะเครื่องรุ่นเก่า หูฟังยังเป็นแบบ 2 รูอยู่ แต่หูฟังเรารูเดียว จะทำให้ได้ยินเสียงแค่ข้างเดียว
หรือในไฟลต์ล่าสุดที่พึ่งได้บินไป ก็มีคนโหลด Netflix หรือเพลง Spotify ลงมือถือ เพื่อสามารถรับชมหนังล่าสุด หรือเพลงใหม่ล่าสุดบนเครื่องบินได้อีกด้วย
1.3 ประกันเดินทาง
ส่วนประกันเดินทางเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งหลาย เพราะเมื่อเราเดินทาง ไม่มีใครทราบเลยว่า กระเป๋าเราจะถูกโยนจนแตก ล้อหลุด หรือป่วยไม่สบายที่ต่างประเทศไหม เพราะว่าประกันสุขภาพเราส่วนใหญ่แล้วจะคุ้มครองเฉพาะในไทย
ดังนั้นสิ่งที่ต้องเตรียมไว้ทุกครั้งก่อนขึ้นเครื่อง คือ
- ถ่ายรูปกระเป๋าเดินทาง และบริเวณล้อทุกมุม (เพื่อเป็นหลักฐานก่อนขึ้นเครื่อง)
- ซื้อประกันเดินทาง (อาจแนะนำความคุ้มครองสูงนิดนึงเพราะต่างประเทศค่ารักษาแพงมากกกกก และดูแผนที่คุ้มครองพวกกระเป๋าเดินทาง หรือตามความต้องการของเรา)
- Save/ปริ้นเอกสารประกันเดินทางไว้บนมือถือ หรือเก็บเป็น hard copy เพราะทุกที่ไม่ได้มีอินเตอร์เน็ต
- ปริ้น เอกสารจำเป็นต่างๆเก็บไว้
1.4 Internet coverage
สำหรับสายทำงาน สายท่องเที่ยวหรือสายโซเชียล การขาดอินเตอร์เน็ตเหมือนขาดใจ 5555 อาจซื้อซิมจากไทยไป หรือต่างประเทศก็ได้ครับ
1.4.1 เหตุผลที่ควรซื้อซิมจากไทย
– สะดวก
– เดินทางไม่กี่วัน ไม่กี่สัปดาห์
1.4.2 เหตุผลที่ควรซื้อซิมที่ตปท.
– ต้องมีการติดต่อธุรกิจ
– มีการต้องโทร
– ต้องใช้เน็ตจำนวนมาก เช่น แผน unlimited เป็นต้น
1.5 ปลั๊กพ่วง/Universal Adapter
สองสิ่งที่ขาดไม่ได้เวลาไปตปท. คือ ปลั๊กพ่วง กับ Universal Adapter
- ปลั๊กพ่วง เพราะโรงแรม/hostel หลายที่รูปลั๊กน้อยถึงน้อยมาก ยิ่งไปกับเพื่อนๆนี่แย่งกันอย่างกับทองคำ
- Universal Adapter ไว้สำหรับแปลงหัว
สิ่งที่ต้องระวังมากๆ: กระแสไฟฟ้าต้นทาง กับปลายทาง
อย่างเราที่อยู่ไทย ไฟฟ้าบ้านเราจะใช้กันอยู่ที่ 220V และ 50 Hz หากเราวางแผนจะไปประเทศอื่นที่ตัวเลขไม่เหมือนกัน เช่น ที่ญี่ปุ่นใช้ 110V เราจะต้องมานั่งดูใน adapter ของเราแล้วว่า ‘output’ ของ adapter เรานั้นเท่าไหร่ หากว่า adapter ของเรา output ~110-220V แสดงว่าสามารถใช้ได้กับประเทศที่กระแสไฟฟ้า 110-220V แต่ adapter (ไม่ใช่หัวแปลงนะ) มีแค่ค่าๆเดียว เช่น 220V เป็นต้น จะใช้ได้แค่ไทยกับประเทศที่กระแสไฟฟ้า 220V เท่านั้น ไม่สามารถใช้ได้ในประเทศแตกต่างไปกว่านั้น
หากนำเครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศที่เยอะ ไปใช้ในประเทศน้อย ไฟอาจเข้าช้าลง
แต่หากเอาประเทศที่กระแสไฟน้อย ไปใช้ในประเทศเยอะ อาจระเบิด หรือไฟฟ้าลัดวงจรได้ เนื่องจากกระแสไฟเกินความสามารถที่รับได้
1.6 Apps (Google Maps, Google translate, Google photos, Local Apps) + ล้างเมมให้เรียบร้อย
หลายๆท่านอาจใช้งานกันอยู่แล้ว ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทำให้เราสามารถใช้ชีวิต หรือเดินทางคนเดียวได้ง่ายขึ้นอีกมากๆ ไม่ว่าจะเป็นแอพ Google Maps ไว้สำหรับเดินทางไปยังแต่ละสถานที่ท่องเที่ยว เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมี Local Apps ที่ไม่อยากให้พลาดกัน ยกตัวอย่างแอพของประเทศนั้นๆ หรือพื้นที่นั้นๆ เช่น Yellow cabs ของเมือง Victoria ประเทศ Canada ที่ค่ารถถูกกว่าและยังช่วยซัพพอร์ตคนพื้นที่ด้วย หรือแอพที่ญี่ปุ่น Pantip ver Japan ชื่อ Tabelog เป็นต้น ที่เราสามารถดูรีวิวร้านอาหารโดยคนพื้นเมืองของประเทศเขาได้เลย
ณ วันเดินทาง
1.7 Powerbank (สูงสุด 20,000-32,000 mAh)
เวลาเราเดินทางไปตปท. ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรามักจะหยิบกล้องมือถือมาถ่ายรูปบ้าง หรือหยิบมือถือมาดูเส้นทางบ้าง แบตเตอรี่มักหมดเร็ว ดังนั้น Powerbank คือปัจจัยที่ 6 ของชีวิต และขนาดที่ควรพกขั้นต่ำคือ 10,000 mA หรือย่างส่วนตัวพก 20,000 mAh ชาร์จ iPhone ได้ประมาณ 4 ครั้ง อยู่ยาวๆเลย 555 และห้ามลืมเลยนะว่าเราจะต้องเช็คเสมอว่าสายการบินนั้นๆที่เราเดินทาง อนุญาตให้พก Powerbank ขึ้นเครื่องได้สูงสุดกี่ mAh
1.8 รองเท้าสำหรับเดิน (ASICS, FitFlops)
เพื่อนๆบางคนเวลาไปเที่ยวต่างประเทศมักใส่รองเท้าชิคๆคูลๆไป แต่เราเป็นสายเดิน วันนี้เลยมาแนะนำรองเท้าในดวงใจ (หรือมาป้ายยานั่นเอง 555)
ตั้งแต่ใส่มามีหลายยี่ห้อมากๆ ณ ปัจจุบันชอบที่สุดคือ ASICS และ FitFlops (ผ้าใบ) เหตุผลคือใส่เดินไป 8 ชั่วโมงก็ไม่เมื่อย แค่นั้นเอง! 5555 จริงๆแล้วตอนแรกชอบและคลั่งไคล้ผ้าใบ FitFlops มากแต่เนื่องจากในไทย ไม่ได้เอาผ้าใบของผู้ชายมาขาย ทำให้หายากขึ้นมาก เลยมีเพื่อนคุณแม่มาป้ายยายี่ห้อ ASICS ลองใส่ดูแล้วแทบจะบินได้เลย รองเท้าบุฟองน้ำเยอะมาก ทำให้ดูตัวสูงขึ้นด้วย 555 บางทีเราเข้าไปในร้านให้เขาแนะนำให้ได้นะ ส่วนตัวแล้วเป็นคนที่เท้า very high arch เลยใส่รุ่น Gel-NIMBUS แล้วสบายมากๆ ส่วนเพื่อนๆลองให้สตาฟแนะนำดูนะว่ารุ่นไหนเหมาะกับเราที่สุด
1.9 RFID protection wallet
ในชีวิตทั่วไปของคนเราในไทยเราอาจไม่ค่อยคุ้นเคย หรือไม่ค่อยได้ยินข่าวเรื่องขโมยเงินด้วยวิธีนี้เท่าไหร่ แต่ที่ต่างประเทศได้ยินข่าวนี้บ้าง แต่หายทีเสียหายหลายแสนเลย ดังนั้นแนะนำ protect ด้วย RFID protection wallet มากกว่า (RFID คือเทคโนโลยี contactless รูปแบบหนึ่ง นึกง่ายๆเวลาเราไปเผลอไปซื้อเสื้อผ้าที่มีก้อนแม่เหล็กห้อยๆ หรือถ้าสังเกตที่ป้ายราคานั้นลองเอาไปส่องไต้ไฟ จะเห็นร่องรอยอายรธรรม เอ้ย คล้ายๆกับแผงวงจรอยู่ในป้ายราคา ซึ่งนั่นแหละ ถ้าเผลอเดินออกจากร้านจนมีเสียงหวอดังหูแตกนั่นแหะครับ 555)
1.10 Travel Card
ณ ปัจจุบันหลายๆธนาคารออก travel card ที่ทำให้เวลาไปรูดบัตรที่ต่างประเทศไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมประมาณอีก 2.5% จากราคาสินค้า (แล้วแต่เจ้า) และได้เรทดีกว่าไปแลกเองที่ร้านแลกเงินมากๆ
ข้อดี: ไม่มีเหรียญเพราะเวลาเดินทางกลับแลกเป็นเงินบาทไม่ได้ (รับแต่ธนบัตร) ใช้จ่ายคล่อง(อาจะเผลอๆคล่องจนเกินไป)
ข้อเสีย: บางร้านไม่รับบัตร เช่น ในญี่ปุ่น แต่ฝั่ง Canada, US ร้านประมาณร้อยละ 95% รับบัตรเครดิต หรือ travel card
อาจดูฟังก์ชั่นของแต่ละธนาคารว่าแต่ละที่ที่ไหนมีให้มากกว่าคนอื่น เช่น ถอนเงินตปท.ก็ได้ เรทถูกกว่าเจ้าอื่น ฯลฯ
ณ ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 3 เจ้าครับ ลองไปศึกษาเพิ่มเติมดูนะ KBANK YouTrip, Planet SCB, Krungthai Travel เป็นต้น
1.11 กล้องถ่ายรูปคู่ใจ
แม้ทุกวันนี้เทคโนโลยีก้าวหน้า ทำให้ทุกคนแทบจะพกมือถือกันแทนกล้องอยู่แล้ว แต่ส่วนตัวก็ยังพกกล้องอยู่ อาจพกตัวที่เลนส์เล็กๆไปจะได้ไม่หนัก เพราะยังไง Depth of Field หรือภาพมันจะมีมิติกว่ามากๆ เพราะถ้าเราถ่ายรูปด้วยมือถือ รูปยังไงก็จะดูแบนๆ ลองพกกล้อง(แบบเปลี่ยนเลนส์)แล้วใช้เลนส์ฟิกกันดูนะครับ 🙂
1.12 แว่นกันแดด
อยู่ไทยเราแทบจะไม่โดนแดดเลย ใส่บ่อยสุดก็คงอยู่ในรถเพราะแดดมันจ้ามาก แต่ถ้าไปต่างประเทศ แดดมันแรงจริงๆครับ พึ่งกลับจากแคนาดามา ไปอยู่ที่นู่น 1 เดือน พยายามทำตัวกลมกลืนให้มากที่สุด เห็นช้างขี้ขี้ตามช้าง กลับมาดำเลยครับ 5555 ดังนั้นพกแว่นกันเถอะครับเพื่อความเท่ห์ ส่วนยี่ห้อที่อยากป้ายยา(ที่เคยใช้มา) อาจจะเช่น RayBans, Gentle Monster (แว่นสวยมาก รักเลย) เคยใช้มาสองยี่ห้อนี้ ไม่เคยทำให้ผิดหวังฮะ ตอนไปซื้อแว่นอาจจะให้เขาปรับเรื่องขาแว่นนิดนึง เพราะดั้งเราไม่โด่งเท่าคนฝั่งยุโรป ใส่ไปแล้วสักพักแว่นอาจจะไหลได้ 555
1.13 Windbreaker + Rainjacket
“หนาวไม่กลัว กลัวลม”
เคยได้ยินวลีนี้กันไหมครับ
เวลาฝนที่ตกในประเทศไทยกับที่ต่างประเทศมักจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง รวมถึงลมด้วย แม้ว่าในไทยลมอาจจะแรงบ้างในบางที่แต่อากาศเราอุ่นไง ถ้าเป็นเมืองหนาว แค่หนาวยังไม่เช่น 20 องศาเซลเซียสไม่เท่าไหร่พอทนได้ แต่ถ้ามีลมเท่านั้นแหละ โอโหหหหหห หนาวจนต้องร้องขอชีวิต ทนไม่ได้ นึกว่า 5 องศา หน้านี่ชาไปก่อนแล้ว เข่าแทบทรุด 55555 มีหลายยี่ห้อที่ใช้เองแล้วรู้สึกเวิร์ค ล่าสุดไปซื้อของ Muji มาครับเวิร์กมาก และยังมีอีกหลายยี่ห้อที่ยังไม่ได้ลองครับ ถ้ามีเจ้าไหนถูกและดีก็อย่าลืมบอกต่อๆกันมาด้วยนะครับ ฮ่าๆ
14. ยา
อย่างสุดท้ายคือเรื่องยา ยาเมาเครื่องบิน ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้แพ้ อีโน(แก้ท้องอืด ท้องมีลม) ยาแก้ปวด ยาพาราเซตามอล ฯลฯ ควรพกไปด้วยทุกทริปนะครับ ไม่มากก็น้อยโดยเฉพาะมีโรคประจำตัว เพราะเวลาเราไปเที่ยว รพ.หรือร้านเภสัชอาจหายาก หรือยาที่ซื้อได้ง่ายมากๆที่ไทย อยู่ที่ต่างประเทศอาจต้องไปพบแพทย์เพื่อขอใบสั่งยา (หลายขั้นตอน)มากๆ ดังนั้นการเตรียมไว้ก่อนจะดีที่สุดครับ
ข้อควรทราบ
– ยาบางตัวห้ามนำเข้าตปท.
– ยาที่พกไปควรมีฉลาก เพราะหากเจ้าหน้าที่ตรวจ จะได้มีหลักฐานแสดงต่อเจ้าหน้าที่
ปรึกษาเราฟรี
โทร 080-294-5216
อีเมล contact@wunlawealth.com