BLA Happy Health vs Prestige Health – เปรียบเทียบประกันสุขภาพ 2565
ลูกค้าหลายๆคนอาจจะเคยเป็นแบบฟลุคที่ว่าเวลาจะเปรียบเทียบประกันสุขภาพก็มักจะพิมพ์คำค้นหาในเว็บอากู๋ว่า
เปรียบเทียบประกันสุขภาพ 2565 pantip บ้าง เปรียบเทียบ ประกันสุขภาพ เหมาจ่าย หรือ ประกันสุขภาพเหมาจ่าย ที่ไหนดี เป็นต้น เมื่อเข้าไปสู่ในหน้าเว็บเปรียบเทียบแบบประกันจริงๆแล้ว มันตาลายไปหมด จุดนี้ของบริษัทแรกดีกว่าบริษัทที่ 2 ส่วนบริษัทที่ 2 ดีกว่าบริษัทแรกตรงอีกจุดนึง อ่านไปอ่านมาก็จะ
“ข้อมูลเยอะและเปรียบเทียบจนงงไปหมด!”
สรุปคือ ยิ่งอ่านยิ่งตัดสินใจไม่ถูกนั่นแหละครับ 555 ดังนั้นฟลุคจะนำมาย่อยทุกอย่างตามสไตล์ฟลุคเพื่อลดภาระงานของทุกท่าน โดยจะแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือเรื่องของผลประโยชน์ และเรื่องเบี้ยประกัน
ข้อควรรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ Happy Health และ Prestige Health
จากที่หลายๆท่านได้ฟังข่าวเรื่องการเปลี่ยนแปลงรูปแบบความคุ้มครองเป็นแบบ new standard health เมื่อต้นปี 2565 เรียบร้อยแล้ว โดย 3 จุดคร่าวๆที่เปลี่ยนไปใน new standard health คือ
- การคุ้มครอง : บริษัทประกันไม่มีสิทธิ์ไม่ต่อสัญญาลูกค้า ยกเว้นเงื่อนไข 2 ข้อ คือ ลูกค้าเคลมค่าชดเชยมากกว่ารายได้ของตนเอง(อย่างน่าสงสัย) กับ ไม่ป่วยแต่เคลมบ่อยๆ
- รูปแบบเอกสารเสนอขายจะปรับเป็น 13 หมวด ความคุ้มครองเพื่อให้เป็น format เดียวกันเพื่อให้ลูกค้าเข้าใจง่าย
- การปรับเบี้ยประกันภัย – นอกจากอัตราการเพิ่มเบี้ยที่เป็นไปตามอาชีพ เพศ และช่วงอายุที่บริษัทได้กำหนดไว้ เช่น ทุก 5 ปีหรือทุกปี นอกเหนือจากข้อนี้ อัตราการเพิ่มเบี้ยจะขึ้นอยู่กับ “อัตราการเคลมของทุกคนที่ซื้อแผนประกันนั้นๆ/พอร์ตโฟลิโอ (portfolio)” โดยหากอัตราการเคลมโดยเฉลี่ยสูงกว่ามาตรฐานที่บริษัทตั้งไว้มาก บริษัทประกันมีสิทธิ์ปรับเบี้ยเพิ่ม โดยจะต้องขออนุญาตคปภ.ก่อน และต้องแจ้งลูกค้าล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรไม่น้อยกว่า 30 วัน ก่อนดำเนินการปรับเบี้ย
เปรียบเทียบความคุ้มครอง Prestige Health (แผน 10 ล้าน) และ Happy Health (แผน 5 ล้าน)
เพื่อให้แต่ละท่านสามารถเลือกแผนที่ตอบโจทย์ได้ง่ายขึ้น 200% ฟลุคทำเป็นตารางสรุปความคุ้มครองของทั้ง 2 แพคเกจให้ดังนี้
หากข้อไหนเป็นจุดที่เด่นกว่าในแต่ละหมวด ฟลุคจะใช้ ตัวอักษรหนา
ส่วนปัจจัยที่ส่งผลต่อการเลือกแผนนั้นสุดๆ จะ HIGHLIGHT เป็นสีเหลืองเอาไว้
รายละเอียดความคุ้มครอง | Happy Health 10 ล้าน | Prestige Health 10 ล้าน |
---|---|---|
วงเงินค่ารักษา (บาท) | 10,000,000 | 10,000,000 |
วงเงินค่ารักษากรณี admit ด้วยโรค มะเร็ง หัวใจ หลอดเลือดสมอง (บาท) | 11,000,000 | 10,000,000 |
วงเงินค่ารักษา | ต่อโรคที่ admit | ต่อปี |
เบี้ยรวมต่อปี (บาท) เพศชาย 40 ปี เพศหญิง 40 ปี | 26,XXX 27,XXX | 31,XXX 30,XXX |
เลือกแบบมีส่วนรับผิดได้ | ✅ | 🚫 |
สมัครได้ตั้งแต่อายุ (ปี) | 11-80 | 11-80 |
คุ้มครองถึงอายุ (ปี) | 99 | 99 |
ปรับเบี้ยทุกๆ | 5 ปี | 1 ปี |
ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการพยาบาล (ให้) | จ่ายตามจริง ไม่เกินอัตราห้องเดี่ยวมาตรฐานของแต่ละโรงพยาบาล* ค่าห้องปกติให้สูงสุดไม่เกิน 180 วัน ค่าห้องผู้ป่วยหนักให้สูงสุดไม่เกิน 60 วัน | 8,000 ค่าห้องปกติและห้องผู้ป่วยหนักให้สูงสุดไม่เกิน 365 วัน |
อุปกรณ์เทียม = เครื่องพยุงกระดูกและกล้ามเนื้อ หรือ อวัยวะภายนอกเทียม เป็นต้น | – | 50,000 บาทตลอดชีวิต |
ค่าพยาบาลส่วนตัวหลังออกจากรพ. เพื่อไปดูแลที่บ้าน ให้ไม่เกิน 60 วัน | – | จ่ายตามจริง |
ค่ารักษาทางทันตกรรมจากอุบัติเหตุ | – | จ่ายตามจริง |
ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินจากอุบัติเหตุ (follow up ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายภายใน 15 วันหลังเกิดอุบัติเหตุ) | – | จ่ายตามจริง |
ค่าล้างไต เคมีบำบัด รังสีบำบัด targeted therapy (ต่อปีกรมธรรม์) | 200,000 | จ่ายตามจริง |
ค่าตรวจวินิจฉัย ก่อน/หลัง admit | 10,000 | จ่ายตามจริง |
OPD follow-up ภายใน 30 วันหลังออกจากโรงพยาบาล (ต่อครั้ง กี่ครั้งก็ได้) | 10,000 | จ่ายตามจริง |
หาก admit เป็นผู้ป่วยในแต่ไม่ได้ใช้สิทธิ์ประกันสุขภาพนี้ จะได้รับชดเชยคืนละ | 10,000 | 2,000 |
ยกเว้นเบี้ยประกันภัยเป็นเวลา 1 ปี หากเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง (จำกัด 1 ครั้งตลอดอายุสัญญากรมธรรม์) | 🚫 | ✅ |
*แผนประกันแบบมีส่วนรับผิด เช่น แผนมีความรับผิดฯ 30,000 บาท หมายความว่า ประกันตัวที่เราซื้อจะเริ่มทำงานก็ต่อเมื่อ ควักเงินเอง หรือเบิกค่ารักษาจากบริษัทประกันอื่นจนครบ 30,000 บาท
จากการทำสรุปฝั่งผลประโยชน์จะเห็นว่ามี 3 จุดหลักๆที่จะเป็นจุดตัดสินใจว่าจะเป็น Happy Health หรือ Prestige Health ดี
- แผนแบบมีส่วนรับผิด / ไม่มีส่วนรับผิด : ซึ่งหากเราอายุยังน้อย และมีสวัสดิการออฟฟิศที่ให้ค่อนข้างเยอะในระดับนึง แผน BLA Happy Health อาจจะตอบโจทย์กว่าก็ได้ เนื่องจากการที่เราเลือกแผนมีส่วนรับผิดฯ จะทำให้เราจ่ายเบี้ยประหยัดขึ้น 50-80%เลยทีเดียว!
ในทางกลับกัน หากเรามีแพลนย้ายงาน(ในอนาคต)แล้วเกิดที่ทำงานใหม่ไม่มีประกันสุขภาพกลุ่มล่ะ? การซื้อแผนไม่มีส่วนรับผิดอาจตอบโจทย์กว่าก็ได้? - ค่าห้อง: BLA Happy Health ให้ค่าห้องแบบเหมาจ่าย คือ ไม่ว่าเราจะไปเข้าพักรักษาที่ห้องเดี่ยวของรพ.ใดก็ตาม ประกันตัวนี้จะจ่ายให้ตามอัตราห้องเดี่ยวมาตรฐานของรพ.นั้นๆ แต่ BLA Prestige Health ที่แผน 10 ล้าน จะจำกัดไว้แค่ 8,000 บาทต่อคืนเท่านั้น
- ค่าล้างไต เคมีบำบัด รังสีบำบัด targeted therapy รวมถึงค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินจากอุบัติเหตุ ในหัวข้อนี้จะเห็นว่า Prestige Health ชนะใสๆอย่างเห็นๆ (ก็ Prestige สมชื่อเลย) เมื่อเราอายุมากขึ้น โอกาสที่เราจะเป็นโรคร้ายแรงก็สูงขึ้นเช่นกัน เนื่องจากในปัจจุบัน ค่ารักษาเกี่ยวกับมะเร็งนั้นค่อนข้างแพงมากๆ ถึงมากที่สุด ยาคีโมฯเข็มนึงก็ 100,000 – 200,000 บาทขั้นต่ำ และไม่ได้ฉีดแค่ครั้งเดียวหายนะ ดังนั้น หากเรากังวลเรื่องโรคร้ายแรงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะมะเร็ง หรือล้างไต ฟลุคแนะนำ BLA Prestige Health เลยครับ
และอีกจุดนึงที่คนมักมองข้ามไปคือ “ประกันอุบัติเหตุ” ในท้องตลาดปัจจุบัน ประกันอุบัติเหตุที่ขายตามบริษัทประกันชีวิตหรือบริษัทประกันวินาศภัยจะคุ้มครองถึงแค่อายุ 65 ปี (เช่นในแผน Happy health ไม่มีและต้องการซื้อแนบเพิ่ม) แต่ตัว Prestige Health คุ้มครองถึงอายุ 99 ปีเลย! เพราะสาเหตุใดฟลุคถึงให้ความสำคัญกับจุดนี้มากเหมือนกัน? จากประสบการณ์การทำงาน ค่าใช้จ่ายของกลุ่มคนสูงอายุเมื่อเกิดอุบัติเหตุจะสูงมาก เคสล่าสุดปาไป 200,000 บาทเพียงเพราะลื่นและหกล้ม และหากโชคไม่ดี อาจทำให้กระดูกแตกหรือเดินไม่ได้คล่องเหมือนเดิมอีกต่อไป
แต่ละแผนตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มต่างกัน
Happy Health ตอบโจทย์กลุ่มระดับกลาง และพนักงานออฟฟิศที่มีสวัสดิการ ที่อยากได้ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย (ทั้งค่าห้องและค่ารักษา)
หากเรากังวลค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลต่างโดยเฉพาะค่าห้อง และค่ารักษาที่แพงมากๆในปัจจุบัน แนะนำยืนพื้นด้วย BLA Happy Health ก่อนครับ
Prestige Health ตอบโจทย์ลูกค้าระดับกลางขึ้นบน อุบัติเหตุ และความกังวลเรื่องโรคร้ายแรง โดยเฉพาะมะเร็ง!
เพราะว่าการรักษามะเร็งในปัจจุบันมีหลายวิธีด้วยกัน คือ
1. ให้ยาเสร็จแล้วกลับบ้าน (ไม่ถือว่าเป็น IPD)
2. ให้ยาโดยอยู่รพ.เกิน 6 ชั่วโมง (จะถือว่าเป็น IPD) และ
3. ให้ยาแบบนอนค้างที่รพ.เลย (จะถือว่าเป็น IPD)
แม้ว่าฟลุคเคยเห็นเพื่อนตัวแทนให้ลูกค้าที่ซื้อแผน Happy Health (ที่มีวงเงินค่ารักษาคีโมฯแบบไม่นอนรพ.จำกัดปีละ 100,000 บาท) อยู่รพ.เกิน 6 ชั่วโมง เพื่อให้เข้าข่าย IPD เพื่อให้ค่ารักษาโยกจากวงเงิน 100,000 บาทต่อปี เป็นวงเงิน 5,000,000 บาท แต่บางทีก็อาจไม่สะดวก หรือ in the worst case ไม่สามารถทำแบบนี้ได้ทุกครั้ง
ดังนั้นหาก budget เราถึง และเรากังวลพวกโรคร้ายแรงมากๆ Prestige Health จะเป็นคำตอบสุดท้าย
ตารางเปรียบเทียบเบี้ย Happy Health vs Prestige Health
นอกจากแผนๆนั้นจะตอบโจทย์เราแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ลืมไม่ได้เลย คือ
“เราสามารถจ่ายประกันสุขภาพนี้จนครบสัญญาไหม?”
เบี้ยประกันแต่ละปีเป็นอย่างไรบ้าง

ต้องเตรียมเงินเท่าไหร่ ถึงจะจ่ายประกันสุขภาพได้ครบสัญญา?
เงินที่ต้องเตรียมเพื่อจ่ายเบี้ยตั้งแต่อายุ (ปี) | Happy Health 10 ล้าน (ชาย) | Happy Health 10 ล้าน (หญิง) | Prestige Health 10 ล้าน |
11-99 | 6,671,687 | 7,361,646 | 10,516,189 |
60-80 | 2,071,107 | 2,554,299 | 3,025,569 |
60-99 | 6,390,596 | 7,011,219 | 9,160,703 |
ยังเลือกไม่ได้ว่าแผนไหนตอบโจทย์คุณกว่ากัน?
ให้เราเป็นความเห็นที่ 2 ให้กับคุณ
✅ ทักมาหาเราหากอยากได้ความเห็นที่สองในการเลือกแบบประกัน
