BLA Happy Health – ยืน 1 ค่าห้องค่ารักษา
BLA Happy Health (บีแอลเอ แฮปปี้ เฮลธ์)
BLA Happy Health จากบมจ.กรุงเทพประกันชีวิต คือสินค้าประกันสุขภาพที่ถูกออกแบบมาเพื่ออุดทุกรอยรั่วของประกันสุขภาพยุคเก่าทั้งหมด
ช่วงปีที่ผ่านมาผมมักเห็นผลิตภัณฑ์นี้ตามเพจ บล็อกและเว็บรีวิวต่างๆ เช่น BLA Happy Health Pantip ประกันสุขภาพเปรียบเทียบเพื่อใช้เปรียบเทียบให้ลูกค้าเข้าใจและตัดสินใจง่ายขึ้น รวมถึงคนมักจะถามกันว่า BLA Happy Health ดีไหม เราจะไม่บอกคุณแต่ให้อ่านจากรีวิวทั้งหมดสรุปโดยฟลุค ดังนี้

ทำไมคนถึงสนใจอยากซื้อประกันสุขภาพกัน?
นอกจาก 4 เหตุผลด้านบนนี้ การเลือกใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนเพื่อได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นผ่านประกันสุขภาพ จะทำให้คุณได้รับการดูแล คุณภาพการรักษา/ยา โดยไม่ต้องควักเงินเองทั้งก้อน ใช้เงินส่วนน้อย ปกป้องเงินส่วนมากของคุณเอาไว้ แบบสบายกระเป๋า!
3 ปัญหาดั้งเดิมของแผนประกันสุขภาพแบบเก่าๆที่แก้ปัญหาได้ด้วย BLA Happy Health
1. ค่าห้อง จำกัด เลยทำให้จ่าย
“ส่วนต่างค่าห้องแพงมาก!”
ในรอบปีที่ผ่านมา Happy Health เป็นแผนสุขภาพที่ขายดีมากๆ จากประสบการณ์ของผมและคุณแม่ เมื่อลูกค้าเข้าโรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายก้อนโตที่มักเกิดขึ้น คือ ส่วนต่างค่าห้อง เนื่องจากสมัยก่อนแผนประกันสุขภาพเหมาจ่ายมักให้ค่าห้องน้อยมากๆ เช่น 2,000 บาท แต่ค่าห้องปัจจุบันอยู่ที่ 4,000-6,000 บาท (แล้วแต่โรงพยาบาล) ซึ่ง Happy Health ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีเนื่องจากจ่ายตามอัตราห้องเดี่ยวมาตรฐานของแต่ละโรงพยาบาล นอกจากค่าห้องแล้ว ค่ารักษายังจ่ายให้แบบ “ต่อโรค” ซึ่งได้ความคุ้มครองเยอะขึ้นมาก (แผนเก่าๆมักเป็นต่อปี หรือต่อโรคที่วงเงินค่อนข้างน้อย)

ลูกค้าของผมกับคุณแม่เกือบๆ 90% ตัดสินใจที่จะอัพเกรดจากประกันสุขภาพตัวเดิมเป็น Happy Health ในทันที (ส่วนอีก 10% ที่เหลือเราไม่แนะนำให้อัพเกรดเนื่องจากว่ามีโรคประจำตัวหรือปัญหาด้านสุขภาพ ดังนั้นแผนใหม่อาจมีข้อยกเว้นความคุ้มครองได้) โดยจ่ายเบี้ยเพิ่มขึ้น 2-3 พันบาท แต่ได้ความคุ้มครองมากขึ้นกว่า 2 เท่า
2. มีสวัสดิการอยู่แล้ว แต่ไม่อยากจ่ายเบี้ยแพง
BLA Happy Health ถูกออกแบบมาเพื่อให้ตอบโจทย์กลุ่ม
2.1 พนักงานออฟฟิศที่มีสวัสดิการ
2.2 ผู้ที่มีประกันสุขภาพของที่อื่นอยู่แล้ว แต่อยากได้ความคุ้มครองเพิ่ม
2.3 ผู้ที่ต้องการวางแผนเกษียณ
เนื่องจากมีแผนที่หลากหลาย รวมถึงแผนแบบ “มีส่วนรับผิด” และ “ไม่มีส่วนรับผิด” ดังนั้นหากเรามีสวัสดิการประกันสุขภาพของที่ทำงานอยู่แล้วในระดับนึง เราสามารถเลือกแผนแบบมีส่วนรับผิดเพื่อรับความคุ้มครองเดียวกัน ในราคาถูกลงกว่าเดิมกว่า 50-80% แบบสุดปัง!
นิยาม:
“ความรับผิดส่วนแรก” คือจำนวนเงินที่เราจะต้องออกก่อน(หรือเบิกจากที่ไหนก็ได้ เช่น ประกันกลุ่ม หรือประกันสุขภาพบริษัทอื่น) ให้ครบตามจำนวนวงเงินที่แผนประกันสุขภาพกำหนดไว้เพื่อให้ประกันสุขภาพเริ่มทำงาน
ยกตัวอย่างเช่น นาย A ซื้อแผน BLA Happy Health เบี้ยแบบมีความรับผิดส่วนแรก 30,000 บาท หมายความว่า BLA Happy Health จะเริ่มจ่ายตั้งแต่ค่ารักษา 30,001 บาทเป็นต้นไป ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นจะต้องไปเบิกกับใครก็ได้ที่ไม่ใช่ Happy health เช่น ประกันสุขภาพกลุ่มของบริษัท ประกันสุขภาพของบริษัทอื่น เป็นต้น
3. มีความยืดหยุ่น
หากในช่วงวัยทำงานเรามีสวัสดิการอยู่ แต่พอช่วงเกษียณเราจะไม่มีสวัสดิการใดๆแล้ว BLA ให้สิทธิ์ในการสลับแผนจากแบบ “มีส่วนรับผิด”เป็น“ไม่มีส่วนรับผิด”ในช่วงอายุ 55-65 ปี โดยนับความคุ้มครองให้ต่อเนื่อง
(อ่านเพิ่มเติมใน FAQ)
4. ประกันสุขภาพคุ้มครองสั้นไป
ในช่วงตั้งแต่ปี 2564 และก่อนหน้า ประกันสุขภาพทั่วไปคุ้มครองสูงสุดเพียงอายุ 80 ปี หรือหากเป็นแผนเก่ากว่านั้นอาจคุ้มครองถึงแค่อายุ 70 ปี แต่เนื่องจากสถิติว่าคนไทยจะมีอายุยืนขึ้น ประกันสุขภาพทุกแผนของกรุงเทพประกันชีวิตจึง คุ้มครองถึงอายุ 99 ปี ทั้งหมด
5. รางวัลบริษัทประกันสุขภาพดีเด่น 2 ปีซ้อน


บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต ได้รับรางวัล “บริษัทที่ให้ความคุ้มครองประกันสุขภาพดีที่สุดแห่งปี” จากงาน Emerging Asia Insurance Awards 2019 และรางวัล “บริษัทประกันสุขภาพที่มีนวัตกรรมยอดเยี่ยม” 2 ปีซ้อนจากงาน International Finance Awards 2021
การันตีคุณภาพระดับโลก
ระยะเวลาเคลมเฉลี่ย 24.6 นาที แบบไม่ต้องสำรองจ่าย
ระยะเวลาเฉลี่ยสำหรับการเบิกจ่ายย้อนหลัง 4.35 วัน!
อัตราการอนุมัติประกันสุขภาพ 91.7%
อัตราการจัดการการเคลมเสร็จสิ้นต่อปี 94.6%
รายละเอียดความคุ้มครอง

*** หากซื้อแผน ‘มีส่วนรับผิด’ สามารถใช้สิทธิ์ในหมวดที่ 6-13 แบบไม่มีส่วนรับผิดได้ ***
จุดเด่น
1. ค่าห้องให้แบบเหมาจ่าย
ตามอัตราห้องเดี่ยวมาตรฐานของแต่ละรพ.
2. วงเงินคุ้มครองคือ “ต่อโรค” ไม่ใช่ต่อปี
ดังนั้นหากทำแผน 5 ล้านบาทไว้ และปีนี้เกิดเจ็บป่วยด้วย 3 โรค เราก็จะมีวงเงินคุ้มครองของแต่ละโรค 5,000,000 บาท (หากเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงจะได้วงเงิน +10% เป็น 5,500,000 บาท) เป็นต้น
3. เจ็บป่วยจาก 3 โรคร้าย มะเร็ง หัวใจ หลอดเลือดสมอง จะได้รับความคุ้มครองเพิ่มขึ้น 10%
เฉพาะ 3 โรคร้ายดังนี้ : โรคมะเร็ง โรคหัวใจ หรือโรคหลอดเลือดสมอง
จากประสบการณ์ ค่ารักษาในหมวดนี้มักสูงอยู่ที่หลักแสนบาทถึงแตะๆล้านบาทได้เลยทีเดียว เนื่องจากการทำบอลลูนสวนหลอดเลือดหัวใจ คร่าวๆอยู่ที่ 2-3 แสน หรือการทำคีโมฯ (chemotherapy) ที่อิมพอร์ตยาคีโมฯจากต่างประเทศที่มีประสิทธิภาพสูงและราคาก็จะสูงขึ้นตาม ซึ่งการที่ได้รับวงเงินค่ารักษาเพิ่มขึ้นอีก 10% ก็จะทำให้เราอุ่นใจเรื่องค่ารักษาได้
4. ไม่ต้องเข้าพักรักษาตัวในรพ.ก็สามารถใช้สิทธิ์ได้
3.1 เฉพาะเกี่ยวกับการบำบัดโรคไตวายเรื้อรัง ล้างไต รักษาเนื้องอก/มะเร็ง ฉายรังสี คีโมฯ รวมถึง targeted therapy โดยมีวงเงินการรักษาอยู่ที่ 50,000 หรือ 100,000 บาทต่อปี
3.2 หมวด 6-13 สามารถเบิก Happy Health แบบไม่มีส่วนรับผิดได้ แม้ว่าเราจะซื้อแผนมีส่วนรับผิด!
5. เลือกจ่ายเบี้ยได้ 2 แบบ
4.1แบบไม่มีส่วนรับผิด
4.2 มีส่วนรับผิด
เพื่อให้ท่านได้เลือกแผนที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณที่สุด
6. แผนมีความยืดหยุ่น
หากคุณเป็นผู้ที่มีสวัสดิการอยู่แล้ว ตอนช่วงวัยทำงานอาจเลือกแบบมีส่วนรับผิดประมาณ 30,000 บาท และเมื่อเกษียณแล้วสามารถใช้สิทธิ์ปรับแผนเป็นแบบ “ไม่มีส่วนรับผิด” ได้ เป็นต้น
(อ่านเพิ่มเติมใน FAQ)
ข้อจำกัด
1. ไม่มีประกันอุบัติเหตุ
แม้ว่าแผน BLA Happy Health จะไม่มีแถมประกันอุบัติเหตุให้ แต่เราสามารถซื้อสัญญาเพิ่มเติมเข้าไปได้ คือ
– ประกันอุบัติเหตุค่ารักษา หรือ อบ.3 เช่น ซื้อความคุ้มครองที่ 50,000 บาท
– จ่ายค่ารักษาให้ 50,000 บาท ต่อเหตุการณ์
– follow-up ได้ต่อเนื่อง 52 สัปดาห์หรือ 1 ปี และ
– เบี้ย ‘คงที่’ ถึงอายุ 65 ปี
– เบี้ยเพียงแค่ประมาณ 1,000 บาทต่อปี เท่านั้น!
2. วงเงินค่าล้างไต คีโมฯ targeted therapy แบบผู้ป่วยนอกจำกัดแค่ 100,000 บาทต่อปี
แม้ว่าแผน happy health จะจำกัดวงเงินค่ารักษา ล้างไต คีโมฯ targeted therapy ไว้ต่อปี 100,000 บาท (สำหรับแผน 1 ล้านและ 5 ล้านบาท) เราสามารถซื้อสัญญาเพิ่มเติม เพื่อเติมเต็มความคุ้มครองในส่วนนี้ หรือ อัพเกรดเป็น BLA Prestige Health เลยก็ได้เช่นกัน
โดยแผนสัญญาเพิ่มเติมนี้ชื่อว่า BLA Super Care เป็นแผนคุ้มครองโรคร้ายแบบเจอ-จ่าย
ประกันโรคร้ายแรงแบบเจอ-จ่ายที่ลูกค้าร้อยละ 90% มักซื้อคู่กับ BLA Happy Health เนื่องจากคนที่เป็นโรคร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ จะต้อง follow-up และทานยาไปตลอดชีวิต หากไม่มีประกันแบบ OPD ก็จะได้เงินก้อนจากประกันโรคร้ายตัวนี้ไว้ใช้จ่าย หรือมาซัพพอร์ตค่าใช้จ่าย ค่ายา ค่าหาหมอส่วนนี้ไปตลอดชีวิต
ประกันโรคร้ายแบบเจอจ่าย คุ้มครอง 43 โรค แบ่งเป็น 5 กลุ่ม (เจอ-จ่าย-จบทีละกลุ่ม)
เช่น ทำ 1 ล้านบาท แต่ละกลุ่มโรคจะมีวงเงิน 1 ล้านของตัวมันเอง
***มีดอกจันทน์ 2 จุดด้วยกัน
1. กลุ่มมะเร็ง* – เจอจ่ายเฉพาะมะเร็งระยะลุกลาม
2. กลุ่มหัวใจ* – มีอยู่ 4 โรคที่เจอจ่าย 50%
2.1 โรคหลอดเลือดหัวใจตีบท่ีรักษาด้วยการสวนหลอดเลือดหัวใจ
2.2 โรคหลอดเลือดสมองท่ีต้องได้รับการผ่า ตัดลอกหลอดเลือดแดงคาโรติด
2.3 โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองท่ีรักษาโดยใช้ขดลวดผ่านสายสวนทางหลอดเลือด
2.4 โรคหลอดเลือดสมองท่ีได้รับการรักษาโดยวิธีใสสายสวนเส้นเลือดแดงบริเวณคอ
👇👇Click เพื่อดาวน์โหลดโบรชัวร์👇👇
👇👇Click เพื่อดูตารางเบี้ย BLA Super Care และ ขยายขนาดภาพ👇👇

BLA Happy Health ตารางเบี้ย และกราฟเปรียบเทียบอัตราการเพิ่มขึ้นของเบี้ยประกันในแต่ละช่วงอายุ
BLA Happy Health ค่าเบี้ยจะเพิ่มขึ้นทุก 5 ปี และมากไปกว่านั้น นอกจากอัตราการเพิ่มเบี้ยที่เป็นไปตามอาชีพ เพศ และช่วงอายุที่บริษัทได้กำหนดไว้ เช่น ทุก 5 ปีหรือทุกปี นอกเหนือจากข้อนี้ อัตราการเพิ่มเบี้ยจะขึ้นอยู่กับ “อัตราการเคลมของทุกคนที่ซื้อแผนประกันนั้นๆ/พอร์ตโฟลิโอ (portfolio)” โดยหากอัตราการเคลมโดยเฉลี่ยสูงกว่ามาตรฐานที่บริษัทตั้งไว้มาก บริษัทประกันมีสิทธิ์ปรับเบี้ยเพิ่ม โดยจะต้องขออนุญาตคปภ.ก่อน และต้องแจ้งลูกค้าล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรไม่น้อยกว่า 30 วัน ก่อนดำเนินการปรับเบี้ย
โดยเงื่อนไขนี้เป็นเงื่อนไขใหม่ของประกันสุขภาพแบบ New Standard Health ไม่ว่าบริษัทไหน ก็จะใช้เกณฑ์เดียวกันทั้งหมดครับ
ในทางกลับกันลูกค้าจะไม่ต้องกังวลอีกต่อไปเรื่องบริษัทประกันจะไม่ต่อสัญญาลูกค้า เพราะเงื่อนไขนี้ถูกตัดออกใน New Standard Health เรียบร้อยแล้วครับ










วิเคราะห์กราฟอัตราการเพิ่มเบี้ย BLA Happy Health เพศชายและหญิง
- อัตราการเพิ่มเบี้ยแม้จะปรับทุกๆ 5 ปี แต่เบี้ยประกันจะปรับช่วงกว้างขึ้นตั้งแต่อายุประมาณ 55 ปีเป็นต้นไป สังเกตได้จากความชันของกราฟที่มากขึ้น
- เบี้ยประกันจะถูกลง และถูกที่สุดในช่วงอายุ 16-20 ปี ทั้งชายและหญิง
และถ้าถามว่าทำไม ฟลุคตอบได้อย่างเดียวเลยครับว่าเป็นเพราะสถิติ (คณิตศาสตร์ประกันภัยหลังบ้าน) อัตราการเคลม ฯลฯ จึงทำให้เบี้ยช่วงนี้ถูกที่สุด - เบี้ยประกันสุขภาพของผู้หญิงจะแพงกว่าผู้ชายเสมอในทุกช่วงอายุ
- แม้ว่ากราฟของแผน ‘ไม่มีส่วนรับผิด’ กับ ‘มีส่วนรับผิด 30,000 บาท’ จะห่างกันค่อนข้างมากอย่างมีนัยสำคัญ (แผนมีส่วนรับผิด 30,000 บาทจะถูกกว่าไม่มีส่วนรับผิดเกือบๆ 50% เลย)
ในช่วงที่เราทำงาน ยังมีสวัสดิการอยู่ ก็มีสวัสดิการ absorb ค่าใช้จ่ายส่วนแรกไว้ให้ ทำให้เราประหยัดเบี้ยไปได้
แต่เมื่ออายุมากขึ้น ใกล้เกษียณ หรือเกษียณแล้ว โอกาสที่เจ็บป่วยก็มีบ่อยขึ้น หากตอนนั้นไม่มีสวัสดิการบริษัทแล้ว หากเลือกแผนรับผิด 30,000 บาท หมายความว่า ทุกครั้งที่เข้ารพ.ต้องจ่ายเงินเอง 30,000 บาทก่อน หากเข้ารพ. 3 ครั้งก็ต้องจ่ายเอง 90,000 บาทซึ่งยังไม่รวมประกันสุขภาพต่อปีที่เราต้องจ่าย
ดังนั้นสิ่งที่ฟลุคจะแนะนำก็คือ หากเราสามารถจ่ายเบี้ยได้/เตรียมเงินสำหรับจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพในช่วงหลังอายุ 60 ปี ฟลุคขออนุญาตแนะนำแผนแบบ ‘ไม่มีส่วนรับผิด’ จะตอบโจทย์กว่าในระยะยาว แต่หากเบี้ยประกันสูงไป อาจเลือกเป็นแบบ ‘มีส่วนรับผิด 30,000 บาท’ ก็ตอบโจทย์เช่นเดียวกัน
ต้องเตรียมเงินเท่าไหร่ถึงจ่ายเบี้ย BLA Happy Health ได้จนครบสัญญา?
(เพศหญิง) เงินที่ต้องเตรียมเพื่อจ่ายเบี้ยตั้งแต่อายุ (ปี) | Happy Health 5 แสน ไม่มีส่วนรับผิด | Happy Health 5 แสน มีส่วนรับผิด 30,000 | Happy Health 1 ล้าน ไม่มีส่วนรับผิด | Happy Health 1 ล้าน มีส่วนรับผิด 30,000 | Happy Health 5 ล้าน ไม่มีส่วนรับผิด | Happy Health 5 ล้าน มีส่วนรับผิด 30,000 |
30-80 | 2,462,991 | 1,599,337 | 2,743,290 | 1,732,556 | 3,071,034 | 1,966,723 |
40-80 | 2,288,973 | 1,498,142 | 2,557,332 | 1,626,036 | 2,868,710 | 1,848,645 |
50-80 | 2,070,511 | 1,377,621 | 2,322,822 | 1,499,173 | 2,611,982 | 1,701,295 |
60-80 | 1,741,542 | 1,174,470 | 1,967,498 | 1,285,330 | 2,217,274 | 1,459,892 |
60-90 | 3,295,952 | 2,144,395 | 3,752,483 | 2,370,620 | 4,200,359 | 2,696,522 |
60-99 | 4,850,946 | 3,104,559 | 5,538,192 | 3,444,990 | 6,184,480 | 3,899,818 |
(เพศชาย) เงินที่ต้องเตรียมเพื่อจ่ายเบี้ยตั้งแต่อายุ (ปี) | Happy Health 5 แสน ไม่มีส่วนรับผิด | Happy Health 5 แสน มีส่วนรับผิด 30,000 | Happy Health 1 ล้าน ไม่มีส่วนรับผิด | Happy Health 1 ล้าน มีส่วนรับผิด 30,000 | Happy Health 5 ล้าน ไม่มีส่วนรับผิด | Happy Health 5 ล้าน มีส่วนรับผิด 30,000 |
30-80 | 2,287,237 | 1,453,461 | 2,586,393 | 1,605,871 | 2,865,562 | 1,815,470 |
40-80 | 2,122,943 | 1,363,424 | 2,412,509 | 1,511,098 | 2,676,566 | 1,708,121 |
50-80 | 1,921,128 | 1,261,357 | 2,195,440 | 1,403,419 | 2,438,364 | 1,578,793 |
60-80 | 1,619,900 | 1,084,209 | 1,864,039 | 1,215,674 | 2,071,107 | 1,354,338 |
60-90 | 2,977,745 | 2,003,384 | 3,452,164 | 2,269,049 | 3,830,952 | 2,518,028 |
60-99 | 4,322,169 | 2,911,617 | 5,024,588 | 3,309,886 | 5,578,066 | 3,662,956 |
แผนประกันสุขภาพของ BLA ต้องซื้อคู่กับประกันชีวิตเท่านั้น
ตัวอย่างเบี้ยประกัน
ประกันชีวิตคุ้มครองสูง 100,000 บาท
ซื้อพร้อม Happy Health แผน 5 ล้านบาทแบบไม่มีส่วนรับผิด
เพศชาย อายุ 35 ปี
ประกันชีวิต 3,522 บาท
Happy Health 18,434 บาท
รวม 21,956 บาท
เพศหญิง อายุ 35 ปี
ประกันชีวิต 3,143 บาท
Happy Health 19,587 บาท
รวม 22,730 บาท
ในส่วนของตัวอย่างเคสการเคลมจริง ขอยกตัวอย่างมาทั้งหมด 2 เคส


ยังเลือกไม่ได้ใช่ไหมว่า Happy Health
หรือ Prestige Health ดี?
สนใจ BLA Happy Health อยู่ใช่ไหม?
กดปุ่ม ADD FRIEND เพื่อคุยกับเรา!

นอกจาก BLA แล้วยังมีบริษัทอื่นที่ออกประกันสุขภาพที่รายละเอียดใกล้เคียงกัน ซึ่งเราจะเปรียบเทียบให้ท่านดูตามตารางด้านล่างนี้

จากตารางเปรียบเทียบด้านบน จะสังเกตเห็นว่าผลประโยชน์ของทั้ง 3 บริษัทแทบจะเหมือนกันทั้งหมด ทีนี้จะต้องมาดูสิ่งที่เรา concern ที่สุด เนื่องจากแต่ละแผนจะตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละกลุ่มได้ต่างกัน
- กังวลเรื่องเจ็บป่วยทั่วไปมากที่สุด – เนื่องจากแผนของทุกบริษัทจะเป็นแบบเหมาจ่ายเหมือนกันแล้ว ค่าห้องเป็นอีกกลุ่มค่าใช้จ่ายหนึ่งที่สำคัญ ซึ่งเราจะเทคะแนนให้ BLA + MTL มากกว่า
- กังวลเรื่องโรคร้ายแรงมากที่สุด – AIA จะตอบโจทย์มากกว่า นอกจากวงเงินที่จะให้ในการรักษามากขึ้นสองเท่า การรักษาพวกเคมีบำบัด รังสีบำบัด แบบ OPD พวกนี้ก็จ่ายให้ตามจริงเช่นกัน นอกจากวงเงินค่ารักษาแล้ว การเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายอาจต้องพักรักษาตัวที่รพ.นาน อาจทำให้เกิดส่วนต่างมากเช่นกัน
***เพิ่มเติม AIA Health Happy ข้อ 2: วงเงินรักษากรณี admit ด้วย 3 โรคร้าย มะเร็ง หัวใจ หลอดเลือดสมอง
ผลประโยชน์ความคุ้มครองกรณีโรคร้ายแรง ในขณะที่สัญญาเพิ่มเติมมีผลคุ้มครอง หากผู้เอาประกันภัยได้รับการวินิจฉัยและยืนยันว่าป่วยเป็นโรคร้ายแรงครั้งแรกตามคำนิยามของโรคร้ายแรงที่ได้รับความคุ้มครอง เมื่อพ้นระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง (Waiting Period) ของสัญญาเพิ่มเติมนี้ บริษัทจะเพิ่มผลประโยชน์สูงสุดต่อรอบปีกรมธรรม์ให้เป็น 2 เท่าของ จำนวนเงินเอาประกันภัยตามสัญญาเพิ่มเติมนี้ในปีกรมธรรม์ที่ผู้เอาประกันภัยเข้ารับการรักษาตัวด้วยโรคร้ายแรงและต่อเนื่องไปอีก 3 ปีกรมธรรม์ โดยปีกรมธรรม์แรกที่บริษัทจะเพิ่มผลประโยชน์สูงสุดต่อรอบปีกรมธรรม์ คือ
- กรมธรรม์ที่ผู้เอาประกันภัยได้รับการเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยในครั้งแรกเนื่องจากโรคร้ายแรง หรือ
- กรมธรรม์ที่ทำการผ่าตัดใหญ่ที่ไม่ต้องพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน (Day Surgery) ครั้งแรกเนื่องจากโรคร้ายแรง หรือ
- กรมธรรม์การผ่าตัดเพื่อตรวจชิ้นเนื้อผลการตรวจพบว่าเป็นโรคร้ายแรง
แล้วแต่เหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้นก่อน ***
อย่างไรก็ตามอาจนำมาสู่ 2 choice
- ซื้อ AIA + ชดเชยรายได้เพื่อ fill-in ค่าห้องที่ให้น้อย
- ซื้อ BLA Happy Health หรือ MTL D-Health Plus + สัญญาโรคร้ายแบบเจอจ่าย เพื่อคุ้มครองกรณีเจ็บป่วยด้วยโรคร้าย เป็นต้น
ซึ่งทั้ง 2 options ให้ผลลัพธ์เดียวกันที่ค่อนข้างครอบคลุมเรื่องค่ารักษาโรคร้าย และค่ารักษาทั่วไปเป็นต้น
อีกสิ่งหนึ่งที่ลืมไม่ได้เลย คือเรื่องที่ว่าไม่มีประกันสุขภาพของที่ไหนที่ Perfect 100% (พูดตรงๆก็คือแต่ละบริษัทก็แอบไปลอกการบ้านของกันและกันมา)
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเลือกประกันสุขภาพ คือ
1.ตัวแทน
– หากคุณเป็นลูกค้าของฟลุค (ตัวแทนคุณวุฒิ MDRT®) จะทำให้คุณได้รับสิทธิพิเศษด้านประกันสุขภาพเหนือกว่าการเป็นเป็นลูกค้าของตัวแทนปกติ
– คุณแม่แท้ๆของฟลุค = หัวหน้า ได้เป็นคนแรกของบริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) ที่ได้รับรางวัล “ตัวแทนคุณภาพดีเด่นแห่งชาติ” คนแรกของบริษัท คุณวุฒิ MDRT® 3 ปีซ้อน และประสบการณ์การทำงานมามากกว่า 20 ปี ไม่เคยย้ายบริษัท ซึ่งเป็นเครื่องการันตีคุณภาพการบริการของเราได้เป็นอย่างดี
2.ชื่อเสียง/ความมั่นคง/ความยาก-ง่ายในการเคลม ไม่ใช่เพียงแค่เบี้ยถูกอย่างเดียว!