happy hospital

BLA Happy Health – ยืน 1 ค่าห้องค่ารักษา by ตัวแทนคุณภาพ MDRT กรุงเทพประกันชีวิต

BLA Happy Health (บีแอลเอ แฮปปี้ เฮลธ์)

ทำไมต้องทำประกันกับตัวแทน MDRT?

สิทธิพิเศษลูกค้าจากตัวแทน MDRT พงศ์ภวัน เศรษฐ์ธนันท์

BLA Happy Health จากบมจ.กรุงเทพประกันชีวิต คือสินค้าประกันสุขภาพที่ถูกออกแบบมาเพื่ออุดทุกรอยรั่วของประกันสุขภาพยุคเก่าทั้งหมด

ช่วงปีที่ผ่านมาผมมักเห็นผลิตภัณฑ์นี้ตามเพจ บล็อกและเว็บรีวิวต่างๆ เช่น BLA Happy Health Pantip ประกันสุขภาพเปรียบเทียบเพื่อใช้เปรียบเทียบให้ลูกค้าเข้าใจและตัดสินใจง่ายขึ้น รวมถึงคนมักจะถามกันว่า BLA Happy Health ดีไหม เราจะไม่บอกคุณแต่ให้อ่านจากรีวิวทั้งหมดสรุปโดยฟลุค ดังนี้


Infographics for WLW web.001 1536x864 1

ทำไมคนถึงสนใจอยากซื้อประกันสุขภาพกัน?

สวัสดิการบริษัทให้ไม่พอ เจ็บป่วยหนักๆทีแย่แน่ๆ

ไม่อยากรอคิวรพ.รัฐนานๆ รอเป็นเดือนยังไม่ได้เตียงเลย!

ใกล้จะเกษียณแล้ว ต้องซื้อประกันสุขภาพไว้แล้วล่ะ

พึ่งเจอเพื่อนผ่าตัดไป แต่เขาไม่มีประกัน หมดไปหลายแสนอยู่

นอกจาก 4 เหตุผลด้านบนนี้ การเลือกใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนเพื่อได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นผ่านประกันสุขภาพ จะทำให้คุณได้รับการดูแล คุณภาพการรักษา/ยา โดยไม่ต้องควักเงินเองทั้งก้อน ใช้เงินส่วนน้อย ปกป้องเงินส่วนมากของคุณเอาไว้ แบบสบายกระเป๋า!


3 ปัญหาดั้งเดิมของแผนประกันสุขภาพแบบเก่าๆที่แก้ปัญหาได้ด้วย BLA Happy Health

1. แผนประกันเก่าๆ ค่าห้อง ให้น้อยมากกกก ค่าห้องรพ.ก็แพงม้ากกก เลยทำให้จ่าย

“ส่วนต่างค่าห้องแพงมาก!”

ในรอบปีที่ผ่านมา Happy Health เป็นแผนสุขภาพที่ขายดีมากๆ จากประสบการณ์ของผมและคุณแม่ เมื่อลูกค้าเข้าโรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายก้อนโตที่มักเกิดขึ้น คือ ส่วนต่างค่าห้อง เนื่องจากสมัยก่อนแผนประกันสุขภาพเหมาจ่ายมักให้ค่าห้องน้อยมากๆ เช่น 2,000 บาท แต่ค่าห้องปัจจุบันอยู่ที่ 4,000-6,000 บาท (แล้วแต่โรงพยาบาล) ซึ่ง Happy Health ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีเนื่องจากจ่ายตามอัตราห้องเดี่ยวเริ่มต้นของแต่ละโรงพยาบาล นอกจากค่าห้องแล้ว ค่ารักษายังจ่ายให้แบบ “ต่อโรค” ซึ่งได้ความคุ้มครองเยอะขึ้นมาก (แผนเก่าๆมักเป็นต่อปี หรือต่อโรคที่วงเงินค่อนข้างน้อย)

ค่าห้องเดี่ยวมาตรฐาน
ค่าห้องเดี่ยวมาตรฐานของแต่ละโรงพยาบาล อ้างอิง: บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต

ลูกค้าของผมกับคุณแม่เกือบๆ 90% ตัดสินใจที่จะอัพเกรดจากประกันสุขภาพตัวเดิมเป็น Happy Health ในทันที (ส่วนอีก 10% ที่เหลือเราไม่แนะนำให้อัพเกรดเนื่องจากว่ามีโรคประจำตัวหรือปัญหาด้านสุขภาพ ดังนั้นแผนใหม่อาจมีข้อยกเว้นความคุ้มครองได้) โดยจ่ายเบี้ยเพิ่มขึ้น 2-3 พันบาท แต่ได้ความคุ้มครองมากขึ้นกว่า 2 เท่า

2. มีสวัสดิการอยู่แล้ว แต่ไม่อยากจ่ายเบี้ยแพง

BLA Happy Health ถูกออกแบบมาเพื่อให้ตอบโจทย์กลุ่ม
2.1 พนักงานออฟฟิศที่มีสวัสดิการ
2.2 ผู้ที่มีประกันสุขภาพของที่อื่นอยู่แล้ว แต่อยากได้ความคุ้มครองเพิ่ม
2.3 ผู้ที่ต้องการวางแผนเกษียณ

เนื่องจากมีแผนที่หลากหลาย รวมถึงแผนแบบ “มีส่วนรับผิด” และ “ไม่มีส่วนรับผิด” ดังนั้นหากเรามีสวัสดิการประกันสุขภาพของที่ทำงานอยู่แล้วในระดับนึง เราสามารถเลือกแผนแบบมีส่วนรับผิดเพื่อรับความคุ้มครองเดียวกัน ในราคาถูกลงกว่าเดิมกว่า 50-80% แบบสุดปัง!

นิยาม:
“ความรับผิดส่วนแรก” คือจำนวนเงินที่เราจะต้องออกก่อน(หรือเบิกจากที่ไหนก็ได้ เช่น ประกันกลุ่ม หรือประกันสุขภาพบริษัทอื่น) ให้ครบตามจำนวนวงเงินที่แผนประกันสุขภาพกำหนดไว้เพื่อให้ประกันสุขภาพเริ่มทำงาน

ยกตัวอย่างเช่น นาย A ซื้อแผน BLA Happy Health เบี้ยแบบมีความรับผิดส่วนแรก 30,000 บาท หมายความว่า BLA Happy Health จะเริ่มจ่ายตั้งแต่ค่ารักษา 30,001 บาทเป็นต้นไป ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นจะต้องไปเบิกกับใครก็ได้ที่ไม่ใช่ Happy health เช่น ประกันสุขภาพกลุ่มของบริษัท ประกันสุขภาพของบริษัทอื่น เป็นต้น

3. มีความยืดหยุ่น

หากในช่วงวัยทำงานเรามีสวัสดิการอยู่ แต่พอช่วงเกษียณเราจะไม่มีสวัสดิการใดๆแล้ว BLA ให้สิทธิ์ในการสลับแผนจากแบบ “มีส่วนรับผิด”เป็น“ไม่มีส่วนรับผิด”ในช่วงอายุ 55-65 ปี โดยนับความคุ้มครองให้ต่อเนื่อง
(อ่านเพิ่มเติมใน FAQ)

4. ประกันสุขภาพคุ้มครองสั้นไป

ในช่วงตั้งแต่ปี 2564 และก่อนหน้า ประกันสุขภาพทั่วไปคุ้มครองสูงสุดเพียงอายุ 80 ปี หรือหากเป็นแผนเก่ากว่านั้นอาจคุ้มครองถึงแค่อายุ 70 ปี แต่เนื่องจากสถิติว่าคนไทยจะมีอายุยืนขึ้น ประกันสุขภาพทุกแผนของกรุงเทพประกันชีวิตจึง คุ้มครองถึงอายุ 99 ปี ทั้งหมด

5. รางวัลบริษัทประกันสุขภาพดีเด่น 2 ปีซ้อน

กรุงเทพประกันชีวิตได้รับรางวัลประกันสุขภาพที่ดีที่สุดแห่งปี 2019
ภาพข่าวประชาสัมพันธ์ 02 696x505 1

บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต ได้รับรางวัล “บริษัทที่ให้ความคุ้มครองประกันสุขภาพดีที่สุดแห่งปี” จากงาน Emerging Asia Insurance Awards 2019 และรางวัล “บริษัทประกันสุขภาพที่มีนวัตกรรมยอดเยี่ยม” 2 ปีซ้อนจากงาน International Finance Awards 2021
การันตีคุณภาพระดับโลก

ระยะเวลาเคลมเฉลี่ย 24.6 นาที แบบไม่ต้องสำรองจ่าย

ระยะเวลาเฉลี่ยสำหรับการเบิกจ่ายย้อนหลัง 4.35 วัน!

อัตราการอนุมัติประกันสุขภาพ 91.7%

อัตราการจัดการการเคลมเสร็จสิ้นต่อปี 94.6%

รายละเอียดความคุ้มครอง

ตารางผลประโยชน์ BLA Happy Health
ตารางผลประโยชน์ BLA Happy Health

*** หากซื้อแผน ‘มีส่วนรับผิด’ สามารถใช้สิทธิ์ในหมวดที่ 6-13 แบบไม่มีส่วนรับผิดได้ ***


จุดเด่น

1. รีวิว 5 ดาวโดยแม่มณี

BLA Happy Health 5 star review โดยแม่มณี msmany

แม่มณี คือ เพจรีวิวประกันชื่อดัง ได้ทำการเปรียบเทียบประกันสุขภาพให้แล้วทุกสำนัก และได้ให้คะแนน BLA Happy Health เป็นเพียงแค่เจ้าเดียวที่ให้ 5 ดาว!

2. ค่าห้องให้แบบเหมาจ่าย

ตามอัตราห้องเดี่ยวมาตรฐานของแต่ละรพ.

3. วงเงินคุ้มครองคือ “ต่อโรค” ไม่ใช่ต่อปี

ดังนั้นหากทำแผน 5 ล้านบาทไว้ และปีนี้เกิดเจ็บป่วยด้วย 3 โรค เราก็จะมีวงเงินคุ้มครองของแต่ละโรค 5,000,000 บาท (หากเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงจะได้วงเงิน +10% เป็น 5,500,000 บาท) เป็นต้น

4. เจ็บป่วยจาก 3 โรคร้าย มะเร็ง หัวใจ หลอดเลือดสมอง จะได้รับความคุ้มครองเพิ่มขึ้น 10%

เฉพาะ 3 โรคร้ายดังนี้ : โรคมะเร็ง โรคหัวใจ หรือโรคหลอดเลือดสมอง
จากประสบการณ์ ค่ารักษาในหมวดนี้มักสูงอยู่ที่หลักแสนบาทถึงแตะๆล้านบาทได้เลยทีเดียว เนื่องจากการทำบอลลูนสวนหลอดเลือดหัวใจ คร่าวๆอยู่ที่ 2-3 แสน หรือการทำคีโมฯ (chemotherapy) ที่อิมพอร์ตยาคีโมฯจากต่างประเทศที่มีประสิทธิภาพสูงและราคาก็จะสูงขึ้นตาม ซึ่งการที่ได้รับวงเงินค่ารักษาเพิ่มขึ้นอีก 10% ก็จะทำให้เราอุ่นใจเรื่องค่ารักษาได้

5. ไม่ต้องเข้าพักรักษาตัวในรพ.ก็สามารถใช้สิทธิ์ได้

3.1 เฉพาะเกี่ยวกับการบำบัดโรคไตวายเรื้อรัง ล้างไต รักษาเนื้องอก/มะเร็ง ฉายรังสี คีโมฯ รวมถึง targeted therapy โดยมีวงเงินการรักษาอยู่ที่ 50,000 หรือ 100,000 บาทต่อปี
3.2 หมวด 6-13 สามารถเบิก Happy Health แบบไม่มีส่วนรับผิดได้ แม้ว่าเราจะซื้อแผนมีส่วนรับผิด!

6. เลือกจ่ายเบี้ยได้ 2 แบบ

4.1แบบไม่มีส่วนรับผิด
4.2 มีส่วนรับผิด
เพื่อให้ท่านได้เลือกแผนที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณที่สุด

7. แผนมีความยืดหยุ่น

หากคุณเป็นผู้ที่มีสวัสดิการอยู่แล้ว ตอนช่วงวัยทำงานอาจเลือกแบบมีส่วนรับผิดประมาณ 30,000 บาท และเมื่อเกษียณแล้วสามารถใช้สิทธิ์ปรับแผนเป็นแบบ “ไม่มีส่วนรับผิด” ได้ เป็นต้น
(อ่านเพิ่มเติมใน FAQ)


ข้อจำกัด

1. ไม่มีประกันอุบัติเหตุ

แม้ว่าแผน BLA Happy Health จะไม่มีแถมประกันอุบัติเหตุให้ แต่เราสามารถซื้อสัญญาเพิ่มเติมเข้าไปได้ คือ
– ประกันอุบัติเหตุค่ารักษา หรือ (ชื่อใน BLA คือ อบ.3) เช่น ซื้อความคุ้มครองที่ 50,000 บาท
– จ่ายค่ารักษาให้ 50,000 บาท ต่อเหตุการณ์
– follow-up ได้ต่อเนื่อง 52 สัปดาห์หรือ 1 ปี และ
– เบี้ย ‘คงที่’ ถึงอายุ 65 ปี
– เบี้ยเพียงแค่ประมาณ 1,000 บาทต่อปี เท่านั้น!

2. วงเงินค่าล้างไต คีโมฯ targeted therapy แบบผู้ป่วยนอกจำกัดแค่ 100,000 บาทต่อปี

แม้ว่าแผน happy health จะจำกัดวงเงินค่ารักษา ล้างไต คีโมฯ targeted therapy ไว้ต่อปี 100,000 บาท (สำหรับแผน 1 ล้านและ 5 ล้านบาท) เราสามารถซื้อสัญญาเพิ่มเติม เพื่อเติมเต็มความคุ้มครองในส่วนนี้ หรือ อัพเกรดเป็น BLA Prestige Health เลยก็ได้เช่นกัน

โดยแผนสัญญาเพิ่มเติมนี้ชื่อว่า BLA Super Care เป็นแผนคุ้มครองโรคร้ายแบบเจอ-จ่าย

ประกันโรคร้ายแรงแบบเจอ-จ่ายที่ลูกค้าร้อยละ 90% มักซื้อคู่กับ BLA Happy Health เนื่องจากคนที่เป็นโรคร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ จะต้อง follow-up และทานยาไปตลอดชีวิต หากไม่มีประกันแบบ OPD ก็จะได้เงินก้อนจากประกันโรคร้ายตัวนี้ไว้ใช้จ่าย หรือมาซัพพอร์ตค่าใช้จ่าย ค่ายา ค่าหาหมอส่วนนี้ไปตลอดชีวิต

ประกันโรคร้ายแบบเจอจ่าย คุ้มครอง 43 โรค แบ่งเป็น 5 กลุ่ม (เจอ-จ่าย-จบทีละกลุ่ม)
เช่น ทำ 1 ล้านบาท แต่ละกลุ่มโรคจะมีวงเงิน 1 ล้านของตัวมันเอง
***มีดอกจันทน์ 2 จุดด้วยกัน

1. กลุ่มมะเร็ง* – เจอจ่ายเฉพาะมะเร็งระยะลุกลาม

2. กลุ่มหัวใจ* – มีอยู่ 4 โรคที่เจอจ่าย 50%
2.1 โรคหลอดเลือดหัวใจตีบท่ีรักษาด้วยการสวนหลอดเลือดหัวใจ
2.2 โรคหลอดเลือดสมองท่ีต้องได้รับการผ่า ตัดลอกหลอดเลือดแดงคาโรติด
2.3 โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองท่ีรักษาโดยใช้ขดลวดผ่านสายสวนทางหลอดเลือด
2.4 โรคหลอดเลือดสมองท่ีได้รับการรักษาโดยวิธีใสสายสวนเส้นเลือดแดงบริเวณคอ

👇👇Click เพื่อดาวน์โหลดโบรชัวร์👇👇

👇👇Click เพื่อดูตารางเบี้ย BLA Super Care และ ขยายขนาดภาพ👇👇

ตารางเบี้ยประกันโรคร้ายแบบเจอจ่าย BLA Super Care
ตารางเบี้ยประกันโรคร้ายแบบเจอจ่าย BLA Super Care

3. ค่าธรรมเนียมแพทย์ผ่าตัด (ข้อ 4.3-4.4 ในโบรชัวร์) จ่ายตามอัตราคู่มือค่าธรรมเนียมแพทยสภา ที่ 90 เปอร์เซนไทล์

หมายความว่า การผ่าตัดแต่ละประเภท แต่ละรพ.จะคิดค่าธรรมเนียมไม่เท่ากัน โดยกรุงเทพประกันชีวิตจะจ่ายตามค่าธรรมเนียมแพทย์สูงสุดตามที่ระบุไว้ (90 เปอร์เซนไทล์ ไม่ใช่ 90% ของค่าผ่าตัด)

แปลไทยเป็นไทยก็คือ การผ่าตัดแต่ละอย่าง จะมีค่าธรรมเนียมแพทย์สูงสุดที่กรุงเทพประกันชีวิตจ่าย (Percentile 90) ในคอลัมน์สุดท้าย โดยหากรพ.คิดค่าธรรมเนียมเกินกว่านี้ ก็อาจมีส่วนต่างเพิ่มขึ้นมาด้วยเล็กน้อย

ตัวอย่างอัตราคู่มือค่าธรรมเนียมแพทยสภา 2563
ตัวอย่างอัตราคู่มือค่าธรรมเนียมแพทยสภา 2563

โดยการคิดค่าธรรมเนียมแพทย์ผ่าตัด จากที่คุยกับเพื่อนที่เป็นหมอ รพ.นั้นๆจะเป็นผู้กำหนด และจากประสบการณ์ ถ้าเป็นรพ.ทั่วไป แทบจะไม่มีส่วนต่างเลย แต่ตัวที่อาจมีส่วนต่าง(ค่าธรรมเนียมเกิน) จะเป็นกลุ่มรพ.5 ดาวมากๆเช่น รพ.บำรุงราษฎร์ เป็นต้น

ตารางเบี้ย

BLA Happy Health ค่าเบี้ยจะเพิ่มขึ้นทุก 5 ปี และมากไปกว่านั้น นอกจากอัตราการเพิ่มเบี้ยที่เป็นไปตามอาชีพ เพศ และช่วงอายุที่บริษัทได้กำหนดไว้ เช่น ทุก 5 ปีหรือทุกปี นอกเหนือจากข้อนี้ อัตราการเพิ่มเบี้ยจะขึ้นอยู่กับ “อัตราการเคลมของทุกคนที่ซื้อแผนประกันนั้นๆ/พอร์ตโฟลิโอ (portfolio)” โดยหากอัตราการเคลมโดยเฉลี่ยสูงกว่ามาตรฐานที่บริษัทตั้งไว้มาก บริษัทประกันมีสิทธิ์ปรับเบี้ยเพิ่ม โดยจะต้องขออนุญาตคปภ.ก่อน และต้องแจ้งลูกค้าล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรไม่น้อยกว่า 30 วัน ก่อนดำเนินการปรับเบี้ย

โดยเงื่อนไขนี้เป็นเงื่อนไขใหม่ของประกันสุขภาพแบบ New Standard Health ไม่ว่าบริษัทไหน ก็จะใช้เกณฑ์เดียวกันทั้งหมดครับ

ในทางกลับกันลูกค้าจะไม่ต้องกังวลอีกต่อไปเรื่องบริษัทประกันจะไม่ต่อสัญญาลูกค้า เพราะเงื่อนไขนี้ถูกตัดออกใน New Standard Health เรียบร้อยแล้วครับ

ตารางเบี้ยผู้หญิง

BLA Happy Health ตารางเบี้ย ค่าเบี้ยผู้หญิง
BLA Happy Health ตารางเบี้ย ค่าเบี้ยผู้หญิง
กราฟเบี้ยเปรียบเทียบ BLA Happy Health เพศหญิง
กราฟเบี้ยเปรียบเทียบ BLA Happy Health เพศหญิง

ตารางเบี้ยผู้ชาย

BLA Happy Health ตารางเบี้ย ค่าเบี้ยผู้ชาย
BLA Happy Health ตารางเบี้ย ค่าเบี้ยผู้ชาย
กราฟเบี้ยเปรียบเทียบ BLA Happy Health เพศชาย
กราฟเบี้ยเปรียบเทียบ BLA Happy Health เพศชาย

วิเคราะห์กราฟอัตราการเพิ่มเบี้ย BLA Happy Health เพศชายและหญิง

  • อัตราการเพิ่มเบี้ยแม้จะปรับทุกๆ 5 ปี แต่เบี้ยประกันจะปรับช่วงกว้างขึ้นตั้งแต่อายุประมาณ 55 ปีเป็นต้นไป สังเกตได้จากความชันของกราฟที่มากขึ้น
  • เบี้ยประกันจะถูกลง และถูกที่สุดในช่วงอายุ 16-20 ปี ทั้งชายและหญิง
    และถ้าถามว่าทำไม ฟลุคตอบได้อย่างเดียวเลยครับว่าเป็นเพราะสถิติ (คณิตศาสตร์ประกันภัยหลังบ้าน) อัตราการเคลม ฯลฯ จึงทำให้เบี้ยช่วงนี้ถูกที่สุด
  • เบี้ยประกันสุขภาพของผู้หญิงจะแพงกว่าผู้ชายเสมอในทุกช่วงอายุ
  • แม้ว่ากราฟของแผน ‘ไม่มีส่วนรับผิด’ กับ ‘มีส่วนรับผิด 30,000 บาท’ จะห่างกันค่อนข้างมากอย่างมีนัยสำคัญ (แผนมีส่วนรับผิด 30,000 บาทจะถูกกว่าไม่มีส่วนรับผิดเกือบๆ 50% เลย)

    ในช่วงที่เราทำงาน ยังมีสวัสดิการอยู่ ก็มีสวัสดิการ absorb ค่าใช้จ่ายส่วนแรกไว้ให้ ทำให้เราประหยัดเบี้ยไปได้

    แต่เมื่ออายุมากขึ้น ใกล้เกษียณ หรือเกษียณแล้ว โอกาสที่เจ็บป่วยก็มีบ่อยขึ้น หากตอนนั้นไม่มีสวัสดิการบริษัทแล้ว หากเลือกแผนรับผิด 30,000 บาท หมายความว่า ทุกครั้งที่เข้ารพ.ต้องจ่ายเงินเอง 30,000 บาทก่อน หากเข้ารพ. 3 ครั้งก็ต้องจ่ายเอง 90,000 บาทซึ่งยังไม่รวมประกันสุขภาพต่อปีที่เราต้องจ่าย

    ดังนั้นสิ่งที่ฟลุคจะแนะนำก็คือ หากเราสามารถจ่ายเบี้ยได้/เตรียมเงินสำหรับจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพในช่วงหลังอายุ 60 ปี ฟลุคขออนุญาตแนะนำแผนแบบ ‘ไม่มีส่วนรับผิด’ จะตอบโจทย์กว่าในระยะยาว แต่หากเบี้ยประกันสูงไป อาจเลือกเป็นแบบ ‘มีส่วนรับผิด 30,000 บาท’ ก็ตอบโจทย์เช่นเดียวกัน

ต้องเตรียมเงินเท่าไหร่ถึงจ่ายเบี้ย BLA Happy Health ได้จนครบสัญญา?

(เพศหญิง)

เงินที่ต้องเตรียมเพื่อจ่ายเบี้ยตั้งแต่อายุ (ปี)
Happy Health 5 แสน
ไม่มีส่วนรับผิด
Happy Health 5 แสน
มีส่วนรับผิด 30,000
Happy Health 1 ล้าน
ไม่มีส่วนรับผิด
Happy Health 1 ล้าน
มีส่วนรับผิด 30,000
Happy Health 5 ล้าน
ไม่มีส่วนรับผิด
Happy Health 5 ล้าน
มีส่วนรับผิด 30,000
Happy Health 10 ล้าน
ไม่มีส่วนรับผิด
Happy Health 10 ล้าน
มีส่วนรับผิด 30,000
60-801,741,5421,174,4701,967,4981,285,3302,217,2741,459,8922,554,2991,995,448
60-903,295,9522,144,3953,752,4832,370,6204,200,3592,696,5224,788,3543,712,433
60-984,850,9463,104,5595,538,1923,444,9906,184,4803,899,8187,011,2195,389,995
จำนวนเงินที่ต้องเตรียมสำหรับจ่ายเบี้ย BLA Happy Health จนครบสัญญา (เพศหญิง)
(เพศชาย)

เงินที่ต้องเตรียมเพื่อจ่ายเบี้ยตั้งแต่อายุ (ปี)
Happy Health 5 แสน
ไม่มีส่วนรับผิด
Happy Health 5 แสน
มีส่วนรับผิด 30,000
Happy Health 1 ล้าน
ไม่มีส่วนรับผิด
Happy Health 1 ล้าน
มีส่วนรับผิด 30,000
Happy Health 5 ล้าน
ไม่มีส่วนรับผิด
Happy Health 5 ล้าน
มีส่วนรับผิด 30,000
Happy Health 10 ล้าน
ไม่มีส่วนรับผิด
Happy Health 10 ล้าน
มีส่วนรับผิด 30,000
60-801,619,9001,084,2091,864,0391,215,6742,071,1071,354,3382,427,1261,895,015
60-902,977,7452,003,3843,452,1642,269,0493,830,9522,518,0284,416,8213,518,745
60-984,322,1692,911,6175,024,5883,309,8865,578,0663,662,9566,390,5965,144,947
จำนวนเงินที่ต้องเตรียมสำหรับจ่ายเบี้ย BLA Happy Health จนครบสัญญา (เพศชาย)

แผนประกันสุขภาพของ BLA ต้องซื้อคู่กับประกันชีวิตเท่านั้น

ตัวอย่างเบี้ยประกัน
ประกันชีวิตคุ้มครองสูง 100,000 บาท
ซื้อพร้อม Happy Health แผน 5 ล้านบาทแบบไม่มีส่วนรับผิด

เพศชาย อายุ 35 ปี
ประกันชีวิต 2,394 บาท
Happy Health 18,434 บาท
รวม 20,828 บาท

เพศหญิง อายุ 35 ปี
ประกันชีวิต 2,000 บาท
Happy Health 19,587 บาท
รวม 21,587 บาท


ตัวอย่างเคสการเคลมจริง ใช้จริง ไม่ใช้ตัวแสดงแทน

รีวิวการเคลมประกันสุขภาพ BLA Happy Health, BLA Prestige Health กรุงเทพประกันชีวิต
รีวิวการเคลมประกันสุขภาพ BLA Happy Health, BLA Prestige Health กรุงเทพประกันชีวิต
รีวิวการเคลมประกันสุขภาพ BLA Happy Health, BLA Prestige Health กรุงเทพประกันชีวิต
รีวิวการเคลมประกันสุขภาพ BLA Happy Health, BLA Prestige Health กรุงเทพประกันชีวิต
ประกันสุขภาพเหมาจ่าย BLA Happy Health เคลมไวจ่ายเร็ว
ประกันสุขภาพเหมาจ่าย BLA Happy Health เคลมไวจ่ายเร็ว
ประกันสุขภาพเหมาจ่าย BLA Happy Health เคลมไวจ่ายเร็ว
ประกันสุขภาพเหมาจ่าย BLA Happy Health เคลมไวจ่ายเร็ว

“ออกจากรพ.ตัวปลิวแบบไม่มีส่วนต่างเลยค่ะ!”

คำถาม:
1.ออกจากรพ. ใช้สิทธิ์ happy health มีส่วนต่างไหม
– ได้รับบริการที่ดีมาก แต่ไม่มีส่วนต่าง ไม่ได้ควักเงินจ่ายแม้แต่บาทเดียวค่ะ

2.รู้สึกอย่างไรบ้างหลังจากที่ได้ใช้ happy health?
– ตอนซื้อคิดแค่ว่าเราไม่มีสิทธิรักษาแบบข้าราชการเหมือนคนอื่นๆ ในครอบครัว จึงมองหาลู่ทางไว้ เผื่อวันนึงไม่สบาย ต้องเข้าโรงพยาบาล แต่อยากรักษาในโรงพยาบาลเอกชนดีๆ ทุกที่ในไทยด้วย (ส่วนตัวชอบโรงพยาบาลกรุงเทพ) จึงตั้งโจทย์นี้ ให้พี่ตัวแทนไปช่วยดูให้ และเลือกเอาแพคเกจที่ดีที่สุด แบบซื้อทีเดียวจบทุกปัญหาที่กังวล
ก่อนหน้านี้ มองหาและดูข้อมูลประกันมาหลายที่ หลายบริษัท แต่ไม่มีที่ใดตอบโจทย์ เช่น ค่าห้อง ที่เสนอมา ส่วนมากก็คืนละ 5,000-8,000 บาท ค่ารักษาก็ได้ไม่เต็ม 100% คือยังมีบางส่วนต้องจ่ายเองเพื่อให้ได้การรักษาที่อาจจะยังไม่ดีที่สุด แต่ของ BLA Happy Health ที่พี่ตัวแทน (ชุติกาญจน์ เศรษฐ์ธนันท์) เสนอให้นี้ได้รับการดูแล และการรักษาแบบ VIP ได้ห้องพักแบบ VIP โดยเราไม่ต้องร้องขอ และไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม รู้สึกอุ่นใจขึ้น และดีใจมากที่เลือกซื้อประกันกับ BLA

3.อยากจะบอกอะไรให้กับคนที่ไม่เคยมี หรือมีแต่ไม่มีประกันแบบเหมาจ่าย ว่าตอนแรกพอแพทย์แจ้งว่าต้องทำการผ่าตัด สิ่งที่กังวลลำดับแรกเลยคืออะไรคะ?
– ตอนแรกเป็นกังวล เนื่องจากไม่เคยผ่าตัด และไม่เคยใช้สิทธิประกันสำหรับ IPD กังวลว่าจะได้เข้ารักษาจริงหรือไม่ ประกันจะจ่ายให้จริงหรือไม่ ยิ่งได้เข้าพักใน VIP Ward ค่าห้องก็สูงกว่าปกติ ค่ารักษา ค่าผ่าตัดก็ราคาสูง ตามแบบฉบับโรงพยาบาล 5 ดาว แต่จะให้รักษาโรงพยาบาลอื่นเราก็ไม่มั่นใจ มันเกี่ยวกับเส้นเอ็น เส้นประสาท อยากรักษากับหมอเก่งๆ และโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ดีๆ ทันสมัย แต่เพราะไม่เคยใช้สิทธิประกันมาก่อน จึงค่อยข้างกังวล มีเตรียมงบไว้เผื่อต้องจ่ายเอง หรืออย่างน้อยหากประกันไม่จ่าย 100% ก็ทำใจไว้ว่าอาจต้องจ่ายเอง 40,000-50,000 บาท แต่สุดท้ายประกันจ่ายให้ 100% รู้สึก Happy มาก รู้สึกดีใจที่ซื้อประกันไว้
(เตรียมต่อสัญญากับ BLA แล้วค่ะ)
คุณติ๊ก
พนักงานบริษัทเอกชน

ยังเลือกไม่ได้ใช่ไหมว่า Happy Health
หรือ Prestige Health ดี?

เปรียบเทียบ bla happy health vs prestige health
เปรียบเทียบ bla happy health vs prestige health

สนใจ BLA Happy Health อยู่ใช่ไหม?
กดปุ่ม ADD FRIEND เพื่อคุยกับเรา!

Fluke 640 640
line add friend
ทีมงานจะติดต่อท่านกลับภายใน 30 นาที

หรือต้องการโทรสอบถามที่เบอร์ 080-294-5216

พงศ์ภวัน เศรษฐ์ธนันท์: ตัวแทนคุณภาพที่ได้รับการรับรองจากบริษัทกรุงเทพประกันชีวิต ทีม WunLaWealth
พงศ์ภวัน เศรษฐ์ธนันท์: ตัวแทนคุณภาพที่ได้รับการรับรองจากบริษัทกรุงเทพประกันชีวิต ทีม WunLaWealth

นอกจาก BLA แล้วยังมีบริษัทอื่นที่ออกประกันสุขภาพที่รายละเอียดใกล้เคียงกัน ซึ่งเราจะเปรียบเทียบให้ท่านดูตามตารางด้านล่างนี้

ตารางเปรียบเทียบประกันสุขภาพ new standard health เมืองไทย aia เอไอเอ กรุงเทพประกันชีวิต

จากตารางเปรียบเทียบด้านบน จะสังเกตเห็นว่าผลประโยชน์ของทั้ง 3 บริษัทแทบจะเหมือนกันทั้งหมด ทีนี้จะต้องมาดูสิ่งที่เรา concern ที่สุด เนื่องจากแต่ละแผนจะตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละกลุ่มได้ต่างกัน

  1. กังวลเรื่องเจ็บป่วยทั่วไปมากที่สุด – เนื่องจากแผนของทุกบริษัทจะเป็นแบบเหมาจ่ายเหมือนกันแล้ว ค่าห้องเป็นอีกกลุ่มค่าใช้จ่ายหนึ่งที่สำคัญ ซึ่งเราจะเทคะแนนให้ BLA + MTL มากกว่า
  2. กังวลเรื่องโรคร้ายแรงมากที่สุด – AIA จะตอบโจทย์มากกว่า นอกจากวงเงินที่จะให้ในการรักษามากขึ้นสองเท่า การรักษาพวกเคมีบำบัด รังสีบำบัด แบบ OPD พวกนี้ก็จ่ายให้ตามจริงเช่นกัน นอกจากวงเงินค่ารักษาแล้ว การเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายอาจต้องพักรักษาตัวที่รพ.นาน อาจทำให้เกิดส่วนต่างมากเช่นกัน

***เพิ่มเติม AIA Health Happy ข้อ 2: วงเงินรักษากรณี admit ด้วย 3 โรคร้าย มะเร็ง หัวใจ หลอดเลือดสมอง

ผลประโยชน์ความคุ้มครองกรณีโรคร้ายแรง ในขณะที่สัญญาเพิ่มเติมมีผลคุ้มครอง หากผู้เอาประกันภัยได้รับการวินิจฉัยและยืนยันว่าป่วยเป็นโรคร้ายแรงครั้งแรกตามคำนิยามของโรคร้ายแรงที่ได้รับความคุ้มครอง เมื่อพ้นระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง (Waiting Period) ของสัญญาเพิ่มเติมนี้ บริษัทจะเพิ่มผลประโยชน์สูงสุดต่อรอบปีกรมธรรม์ให้เป็น 2 เท่าของ จำนวนเงินเอาประกันภัยตามสัญญาเพิ่มเติมนี้ในปีกรมธรรม์ที่ผู้เอาประกันภัยเข้ารับการรักษาตัวด้วยโรคร้ายแรงและต่อเนื่องไปอีก 3 ปีกรมธรรม์ โดยปีกรมธรรม์แรกที่บริษัทจะเพิ่มผลประโยชน์สูงสุดต่อรอบปีกรมธรรม์ คือ

  1. กรมธรรม์ที่ผู้เอาประกันภัยได้รับการเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยในครั้งแรกเนื่องจากโรคร้ายแรง หรือ
  2. กรมธรรม์ที่ทำการผ่าตัดใหญ่ที่ไม่ต้องพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน (Day Surgery) ครั้งแรกเนื่องจากโรคร้ายแรง หรือ
  3. กรมธรรม์การผ่าตัดเพื่อตรวจชิ้นเนื้อผลการตรวจพบว่าเป็นโรคร้ายแรง

    แล้วแต่เหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้นก่อน ***

อย่างไรก็ตามอาจนำมาสู่ 2 choice

  1. ซื้อ AIA + ชดเชยรายได้เพื่อ fill-in ค่าห้องที่ให้น้อย
  2. ซื้อ BLA Happy Health หรือ MTL D-Health Plus + สัญญาโรคร้ายแบบเจอจ่าย เพื่อคุ้มครองกรณีเจ็บป่วยด้วยโรคร้าย เป็นต้น

ซึ่งทั้ง 2 options ให้ผลลัพธ์เดียวกันที่ค่อนข้างครอบคลุมเรื่องค่ารักษาโรคร้าย และค่ารักษาทั่วไปเป็นต้น

อีกสิ่งหนึ่งที่ลืมไม่ได้เลย คือเรื่องที่ว่าไม่มีประกันสุขภาพของที่ไหนที่ Perfect 100% (พูดตรงๆก็คือแต่ละบริษัทก็แอบไปลอกการบ้านของกันและกันมา)

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเลือกประกันสุขภาพ คือ

1.ตัวแทน
– หากคุณเป็นลูกค้าของฟลุค (ตัวแทนคุณวุฒิ MDRT®) จะทำให้คุณได้รับสิทธิพิเศษด้านประกันสุขภาพเหนือกว่าการเป็นเป็นลูกค้าของตัวแทนปกติ
– คุณแม่แท้ๆของฟลุค = หัวหน้า ได้เป็นคนแรกของบริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) ที่ได้รับรางวัล “ตัวแทนคุณภาพดีเด่นแห่งชาติ” คนแรกของบริษัท คุณวุฒิ MDRT® 3 ปีซ้อน และประสบการณ์การทำงานมามากกว่า 20 ปี ไม่เคยย้ายบริษัท ซึ่งเป็นเครื่องการันตีคุณภาพการบริการของเราได้เป็นอย่างดี

2.ชื่อเสียง/ความมั่นคง/ความยาก-ง่ายในการเคลม ไม่ใช่เพียงแค่เบี้ยถูกอย่างเดียว!

ไม่รู้เลือกแผนไหนดี? ให้เราแนะนำคุณได้
ADD LINE คลิก! 👇

Fluke 640 640
line add friend
ทีมงานจะติดต่อท่านกลับภายใน 30 นาที

คำถามที่พบบ่อย

  1. มี Copayment ไหม [จุดเด่น!]

    ไม่มี!

    จากประสบการณ์การคุยกับลูกค้าหลายๆเคส พบว่าประกันหลายเจ้าหากเคลมบ่อยๆแม้ว่าเป็น New Standard Health แล้วก็ตาม แต่ก็พบว่าสามารถมี Copayment ได้ หมายความว่าหากเคลมบ่อยๆ บริษัทประกันมีสิทธิ์ที่จะไม่ออกค่าใช้จ่ายให้ 100% (หากสิทธิ์เคลมได้ 100%) เช่น เราจะออกให้คุณแค่ 70% เท่านั้น

    แต่กรุงเทพประกันชีวิตไม่มี Copayment ดังนั้นสบายใจได้ครับ 🙂

  2. ห้องเดี่ยวราคาเริ่มต้น ใน BLA Happy Health คืออะไร

    ห้องเดี่ยวราคาเริ่มต้น คือ ห้องเดี่ยวราคาแรกสุดของรพ.นั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น หาก รพ.BLA มี 3 ตึก ตึก A B C ราคาห้องเดี่ยวเริ่มต้นคือ 5000 5500 และ 6000 บาทตามลำดับ หาก admit BLA จะจ่ายให้ที่เรท 5000 บาท

  3. ถ้าห้องเดี่ยวราคาเริ่มต้นเต็ม ต้องทำยังไง?

    ถ้าห้องเดี่ยวราคาเริ่มต้นเต็ม และจำเป็นที่จะต้องอัพเกรดค่าห้องไปยังแผนที่สูงขึ้น BLA Happy Health จะไม่รับผิดชอบส่วนต่างค่าห้องที่เกิดขึ้น

  4. สามารถเปลี่ยนแผน Happy Health จากแบบมีส่วนรับผิดเป็นแผนไม่รับผิดได้ไหม?

    สามารถทำได้ครับ

    โดยฟลุคจะขอแบ่งเป็น 2 เงื่อนไข ดังนี้

    1.ไม่ได้อายุระหว่าง 55-65 ปี
    จะต้องถอนตัวเก่าก่อนค่อยใส่ตัวใหม่เข้าไป โดยจะนับระยะเวลารอคอยใหม่ 30 หรือ 120 วันแล้วแต่โรค และแผนใหม่ที่ใส่เข้าไปแทนจะเปรียบเสมือนการสมัครประกันใหม่ ดังนั้นหากมีโรคประจำตัวระหว่างที่ทำแผนเก่าอยู่ แผนใหม่จะคุ้มครองทุกโรคยกเว้นโรคที่เป็นมาก่อนทำประกัน และหากเป็นโรคร้ายแรงหรือมีโรคประจำตัวระหว่างทำแผนเก่า แผนใหม่อาจถูกปรับเพิ่มเบี้ย หรือไม่รับประกันเลยก็ได้

    2.อายุระหว่าง 55-65 ปี
    บริษัทฯให้สิทธิ์ลูกค้าเปลี่ยนแผนรับผิดฯ เป็นรับผิดที่จำนวนเงินน้อยลง หรือ ไม่มีความรับผิดได้ จากตารางด้านล่างนี้

    หากถือแผนรับผิด 100,000 บาทอยู่ สามารถเปลี่ยนเป็นแผนที่รับผิดน้อยลง คือ 50,000 และ 30,000 บาทได้แต่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นแผนไม่รับผิดได้

    หากถือแผนรับผิด 50,000 และ 30,000 บาทอยู่ สามารถเปลี่ยนเป็นแผนที่รับผิดน้อยลงหรือไม่รับผิดได้

    เมื่อใช้สิทธิ์เปลี่ยนแผนความรับผิดฯแล้ว จะได้รับความคุ้มครองต่อเนื่อง (ไม่นับ Waiting period ใหม่) และหากมีโรคประจำตัวระหว่างที่ทำประกันแผนเก่า บริษัทฯจะต้องพิจารณาการรับประกันอีกครั้ง

    หมายความว่า หากตอนเริ่มสมัคร Happy Health ตอนอายุ 35 ปีสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัว (Happy Health จะคุ้มครองทุกโรค) แต่พออายุ 45 ปี เกิดเป็นโรคไทรอยด์ หากเราใช้สิทธิ์เปลี่ยนแผนความรับผิดฯ จะต้องผ่านการพิจารณาเงื่อนไขการรับประกันจากบริษัทฯอีกครั้ง ซึ่งผลพิจารณาอาจออกมา เช่น คุ้มครองทุกโรคยกเว้นโรคไทรอยด์และการเจ็บป่วยจากโรคไทรอยด์ เป็นต้น

    โดยลูกค้าจะใช้สิทธิ์ดังกล่าวได้ ต้องเข้าเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อดังต่อไปนี้
    ต้องซื้อ Happy Health มาอย่างน้อย 5 ปี
    ต้องมีอายุระหว่าง 55-65 ปี บริบูรณ์ ณ วันที่ใช้สิทธิ์
    สามารถขอใช้สิทธิ์ได้เพียง 1 ครั้งตลอดอายุกรมธรรม์

    อ้างอิง: เอกสารรบข.39/2565 บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต

    แล้วถ้าในทางตรงกันข้ามล่ะ? Switch จากแผนไม่รับผิดก่อน เป็นรับผิดในอนาคตสามารถทำได้ไหม
    คำตอบ: ไม่ได้ อย่างไรก็ตามสามารถแก้ปัญหาตรงนี้ได้โดยการทำกรมธรรม์เล่มใหม่+สุขภาพเล่มใหม่ แล้วพอทำไปแล้วประมาณ 120 วัน หรือ 4  เดือนค่อยดึงสุขภาพจากประกันตัวเดิมออก

  5. อยากนอนห้องพรีเมียมขึ้น Happy Health จ่ายไหม?

    หากถูกอัพเกรดห้องเนื่องจากห้องเดี่ยวมาตรฐานเต็ม Happy Health จะไม่จ่ายส่วนต่างค่าห้องให้ครับ

  6. ถ้ามีประวัติสุขภาพ ประกันจะรับไหม?

    จากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา ความเป็นไปได้ของผลลัพธ์มีดังนี้

    1. รับประกันและคุ้มครองทุกโรค (สำหรับผู้ที่ไม่มีโรคประจำตัว หรือ เป็นอาการเล็กๆน้อยๆ เช่น แพ้อากาศนานๆครั้ง)

    2. รับประกันและคุ้มครองทุกโรคยกเว้นโรคที่เป็นมาก่อนทำประกัน และประกันจะไม่จ่ายหากสาเหตุการเจ็บป่วยมาจากโรคนั้นๆ

    3. รับประกัน คุ้มครองทุกโรคและเพิ่มเบี้ย โดยผู้ที่เข้าเคสนี้มักเป็นผู้ที่มีประวัติเกี่ยวกับความดัน เบาหวาน เป็นต้น โดย % การเพิ่มเบี้ยจะขึ้นกับฝ่ายพิจารณาของบริษัท โดยอ้างอิงจากประวัติสุขภาพจากทางโรงพยาบาล

    4. ไม่รับประกัน หรือเว้นการรับประกันไป 2 ปี หรือจนกว่าจะรักษาหายขาด หลังจากหายขาดส่งใบสมัครประกันให้บริษัทพิจารณาอีกรอบหนึ่ง

  7. หากมีโรคประจำตัวแล้วหายขาด สามารถถอนขอยกเว้นนั้นออกภายหลังได้ไหม?

    ได้ โดยจะต้องนำหลักฐานทั้งหมด ใบรับรองแพทย์ ประวัติการรักษาส่งให้บริษัทพิจารณาอีกรอบหนึ่งเพื่อดึงข้อยกเว้นที่เคยมีออก (ทำให้ประกันสุขภาพนั้นคุ้มครองทุกโรค ไม่มีข้อยกเว้นอีกต่อไป)

  8. Happy Health คุ้มครองต่างประเทศด้วยไหม?

    คุ้มครองต่างประเทศด้วย เฉพาะกรณีฉุกเฉิน หรือถึงแก่ชีวิต

    โดยท่านจะต้องสำรองจ่ายก่อน และทำการเบิกเคลมย้อนหลัง โดยสามารถส่งเคลมได้ทั้งหมด 3 วิธี คือ
    1.ติดต่อผ่าตัวแทนของท่าน
    2.BLA Call center 02-777-8888
    3.App BLA Happy Life

    อย่างไรก็ตามแนะนำทำประกันเดินทางเสริมทุกครั้งที่เดินทางตปท.ดีกว่าครับ (ปรึกษาเพิ่มหลังไมค์ได้)

  9. แนวทางพิจารณารับประกันผู้ที่หายจาก Covid-19

    หากเป็นกลุ่มสีเขียว หรือไม่มีอาการ = 10 วันหลังครบกักตัว
    หากมีอาการเหนื่อยหอบ/เชื้อลงปอด = 1 เดือนหลังหายเป็นปกติ
    หากมีอาการรุนแรง/เข้า ICU/ใช้เครื่องช่วยหายใจ = 6 เดือนหลังหายเป็นปกติ

  10. ระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง (Waiting Period) กี่วัน?

    Waiting Period คือระยะเวลาที่บริษัทประกันจะยังไม่คุ้มครองประกันสุขภาพ
    – การเจ็บป่วยใดๆ เริ่มคุ้มครอง 30 วันหลังกรมธรรม์อนุมัติ
    – การเจ็บป่วยด้วย 8 โรคต่อไปนี้ เริ่มคุ้มครอง 120 หลังกรมธรรม์อนุมัติ

    1.เนื้องอก ถุงน้ำ หรือมะเร็งทุกชนิด
    2.ริดสีดวงทวาร
    3.ไส้เลื่อนทุกชนิด
    4.ต้อเนื้อ หรือต้อกระจก
    5.การตัดทอนซอล หรืออดินอยด์
    6.นิ่วทุกชนิด
    7.เส้นเลือดขอดที่ขา
    8.เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

  11. ถ้าติดโควิด-19 แล้วประกันจะจ่ายไหม?

    ต้องเข้าเงื่อนไขทั้ง 2 อย่างนี้ครับ
    1.ขึ้นกับดุลยพินิจแพทย์ในการรับเป็นผู้ป่วยใน (แอดมิท)

    2.ต้องเข้าเกณฑ์เหล่านี้ด้วย
    2.1 มีอาการไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียส นานกว่า 24 ชั่วโมง
    2.2 หายใจเร็วกว่า 25 ครั้ง ต่อนาทีในผู้ใหญ่
    2.3 ระดับออกซิเจนในเลือด (Oxygen Saturation) น้อยกว่า 94%
    2.4 โรคประจำตัวที่มีการเปลี่ยนแปลง หรือจำเป็นต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ตามดุลยพินิจของแพทย์
    2.5 ในเด็ก หากมีอาการหายใจลำบาก ซึมลง ดื่มนมหรือทานอาหารน้อยลง

Similar Posts