คุณปู่เขียนพินัยกรรม

5 กฎเหล็ก! – เขียน “พินัยกรรม” อย่างไรให้สบายใจทุกฝ่าย

เขียนพินัยกรรม

พินัยกรรม เป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่คนไทยให้ความสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน เพื่อจัดการทรัพย์สินที่สร้างสมมาทั้งชีวิตไม่ให้เกิดปัญหาในหมู่ลูกหลานหรือพี่น้อง การทำพินัยกรรมที่ถูกต้องและชัดเจนจะช่วยลดความขัดแย้งในครอบครัวได้อย่างมาก

โดย คุณศักดา อุประ ทนายความอาวุโสผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย บริษัท มหานคร พาร์ทเนอร์ กรุ๊ป จำกัด
เรียบเรียงโดย พงศ์ภวัน เศรษฐ์ธนันท์

ทำไมต้องทำพินัยกรรม?

หากไม่ทำพินัยกรรม ทรัพย์สินของเราจะตกแก่ทายาทตามลำดับที่กฎหมายกำหนด คือ พ่อแม่ ลูก พี่น้อง ลุงป้าน้าอา ตามลำดับ แต่บางครั้งเราอาจไม่ประสงค์ให้เป็นเช่นนั้น เช่น:

  • มีลูกที่ไม่ค่อยดูแลหรือใช้เงินไม่เป็น
  • ไม่มีบุตรแต่มีคนดูแลเราเป็นอย่างดี
  • ต้องการให้ทรัพย์สินตกแก่คนที่เราประสงค์จริงๆ

สิ่งสำคัญคือ แม้ทำพินัยกรรมแล้ว เราก็ยังคงมีสิทธิ์เต็มที่ในทรัพย์สินตลอดชีวิต จะจำหน่าย โอน หรือทำลายก็ได้ พินัยกรรมจะมีผลเฉพาะเมื่อเราเสียชีวิตแล้วเท่านั้น

พินัยกรรม 6 ประเภท เลือกแบบไหนดี

กฎหมายไทยกำหนดให้พินัยกรรมทำได้ 6 แบบ ต้องทำให้ถูกต้องตามรูปแบบ มิเช่นนั้นจะตกเป็นโมฆะ

1. พินัยกรรมแบบธรรมดา – ทำง่ายที่สุด

เป็นแบบที่นิยมใช้กันมากที่สุด ทำเป็นหนังสือ ระบุวันเดือนปี ลงลายมือชื่อผู้ทำต่อหน้าพยาน 2 คน และให้พยานทั้งสองลงลายมือชื่อรับรอง

ข้อดี:

  • ทำง่าย รวดเร็ว
  • ไม่เสียค่าใช้จ่าย
  • แก้ไขได้เสมอ

ข้อเสีย:

  • เสี่ยงต่อการโต้แย้งได้

2. พินัยกรรมแบบเขียนเองทั้งฉบับ – เป็นความลับสูงสุด

ผู้ทำต้องเขียนด้วยลายมือตัวเองทั้งหมด ระบุวันเดือนปี ลงลายมือชื่อ ไม่ต้องมีพยาน

ข้อดี:

  • เป็นความลับสมบูรณ์
  • เขียนได้ตลอดเวลา
  • ไม่ต้องพึ่งพาใคร

ข้อเสีย:

  • เสี่ยงต่อการปลอมแปลงลายมือ
  • หากเขียนไม่ชัดอาจเกิดปัญหาในการตีความ

3. พินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง – มีราชการรับรอง

ไปทำที่สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอ แจ้งเจตนาต่อเจ้าหน้าที่และพยาน 2 คน เจ้าหน้าที่จดบันทึกและอ่านให้ฟัง หากถูกต้องจึงลงลายมือชื่อ

ข้อดี:

  • มีความน่าเชื่อถือสูง
  • มีเจ้าหน้าที่รับรอง
  • มีตราประทับราชการ

ข้อเสีย:

  • ต้องเดินทาง
  • ไม่เป็นความลับ

4. พินัยกรรมแบบเอกสารลับ – น่าเชื่อถือที่สุด

เขียนหรือพิมพ์พินัยกรรม ลงลายมือชื่อ จากนั้นผนึกในซองพร้อมลงลายมือชื่อคาบรอยผนึก นำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ที่อำเภอพร้อมพยาน 2 คน แจ้งว่าเป็นพินัยกรรมของตน

ข้อดี:

  • มีความน่าเชื่อถือสูงที่สุด
  • เป็นความลับสมบูรณ์
  • มีเอกสารราชการรับรอง
  • ความเสี่ยงในการโต้แย้งน้อยมาก แทบไม่มีเลย

ข้อเสีย:

  • ขั้นตอนค่อนข้างซับซ้อน
  • ต้องเสียเวลา

5. พินัยกรรมแบบวาจา – เฉพาะกรณีฉุกเฉิน

ใช้เฉพาะเมื่ออยู่ในสถานการณ์อันตราย โรคระบาด หรือสงคราม แจ้งเจตนาต่อหน้าพยาน 2 คน แล้วให้พยานไปแจ้งที่อำเภอโดยไม่ชักช้า

6. พินัยกรรมแบบต่างประเทศ – สำหรับคนไทยในต่างแดน

คนไทยที่อยู่ต่างประเทศสามารถทำตามกฎหมายของประเทศนั้น หรือตามกฎหมายไทยผ่านสถานทูต


ข้อผิดพลาดร้ายแรงที่พบบ่อย – เรื่องพยาน

สิ่งที่สำคัญที่สุดและหลายคนมักมองข้ามคือ
พยานไม่สามารถเป็นผู้รับมรดกได้ ไม่เพียงแต่พยานเท่านั้น แม้แต่
คู่สมรสของพยานก็ไม่สามารถรับมรดกได้เช่นกัน

หากฝ่าฝืนกฎนี้ ส่วนที่ยกให้พยานหรือคู่สมรสของพยานจะตกเป็นโมฆะ

กรณีที่พบบ่อยและผิดกฎหมาย:

  • สามีภรรยาขอให้ลูกเป็นพยาน แล้วยกทรัพย์สินให้ลูกในพินัยกรรมนั้น
  • ให้เพื่อนเป็นพยานแล้วยกทรัพย์สินให้ภรรยาของเพื่อน

พยานที่ถูกต้องต้องเป็นคนที่:

  • บรรลุนิติภาวะ (อายุ 20 ปีขึ้นไป)
  • มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์
  • ไม่เป็นคนหูหนวก ใบ้ หรือตาบอดทั้งสองข้าง
  • ไม่ได้รับมรดกและคู่สมรสไม่ได้รับมรดกตามพินัยกรรมนั้น

กฎเหล็ก 5 ข้อที่ต้องจำ

1. เรื่องอายุ

ผู้ทำต้องอายุ 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์

2. เรื่องการรับรองตนเอง

เขียนรับรองตนเองว่า “ข้าพเจ้าได้ทำพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้น ในขณะที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ครบถ้วนทุกประการ”

3. เรื่องวันที่

ระบุวันเดือนปีชัดเจน เพราะหากมีหลายฉบับ ฉบับหลังจะยกเลิกฉบับแรกในส่วนที่ขัดแย้งกัน

4. เรื่องความชัดเจน

เขียนให้ชัดเจน ระบุชื่อ-นามสกุล ความสัมพันธ์ของผู้รับ และสัดส่วนที่จะได้รับ

5. เรื่องทรัพย์สิน

ทรัพย์สินต้องถูกกฎหมายและเป็นเจ้าของจริง


เคล็ดลับการเขียนให้สบายใจทุกฝ่าย

ใช้ภาษาง่าย หลีกเลี่ยงคำคลุมเครือ

ตัวอย่างการเขียนที่ดี:
“ยกบ้านหลังที่อยู่เลขที่ 123 ถนนสุขุมวิท ให้นางสาวสมใจ บุตรสาวคนโต”

ตัวอย่างการเขียนที่ไม่ดี:
“ยกอสังหาริมทรัพย์ให้ทายาท”

อธิบายเหตุผลให้ชัดเจน

ระบุเหตุผลว่าทำไมจึงแบ่งเช่นนั้น เพื่อป้องกันความขัดแย้ง:

ตัวอย่าง:

  • “ยกที่ดินให้ลูกชายคนโต เพราะเป็นผู้ดูแลพ่อแม่มาตลอด”
  • “ไม่ยกทรัพย์สินให้ลูกชายคนกลาง เพราะมีหนี้สินมากและใช้เงินไม่เป็น”

เก็บรักษาให้ปลอดภัย

แจ้งให้คนที่ไว้ใจทราบว่ามีพินัยกรรมและเก็บไว้ที่ไหน สำหรับแบบลับ ควรเก็บใบรับไว้ให้ดีและแจ้งคนที่ไว้ใจ


สิ่งที่ทำพินัยกรรมไม่ได้

ทรัพย์สินที่ห้ามทำพินัยกรรม:

  • เงินประกันชีวิต (มีผู้รับประโยชน์ระบุไว้ในสัญญาแล้ว)
  • สิทธิการเช่า สิทธิที่อยู่อาศัย สิทธิเก็บกิน (เป็นสิทธิเฉพาะตัว)
  • ทรัพย์สินผิดกฎหมาย เช่น อาวุธไม่มีใบอนุญาต สิ่งเสพติด
  • ทรัพย์สินที่ไม่ได้เป็นเจ้าของจริง
  • ทรัพย์สินที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หลังจากเสียชีวิตแล้ว

คำแนะนำจากประสบการณ์จริง

จากการให้คำปรึกษาลูกค้าหลายร้อยราย แนะนำดังนี้:

สำหรับคนทั่วไป

เริ่มต้นด้วยพินัยกรรมแบบธรรมดา เพราะทำง่าย แก้ไขได้เสมอ และเสียค่าใช้จ่ายน้อย

สำหรับผู้มีทรัพย์สินมีค่ามาก

ควรเลือกแบบลับ เพราะมีความน่าเชื่อถือสูงสุดและความเสี่ยงในการโต้แย้งน้อยที่สุด

สำหรับผู้ต้องการความเป็นส่วนตัว

แบบเขียนเองทั้งฉบับเป็นทางเลือกที่ดี แต่ต้องเขียนให้ชัดเจนและเก็บรักษาให้ดี


เอกสารที่ต้องเตรียม

  • บัตรประจำตัวประชาชน ของผู้ทำและพยาน
  • ทะเบียนบ้าน ฉบับเจ้าบ้าน
  • เอกสารสิทธิ์ทรัพย์สิน (โฉนดที่ดิน ทะเบียนรถ ฯลฯ)
  • สำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ป่วย ควรมีใบรับรองแพทย์ว่ามีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์

สรุป: ขั้นตอนสำคัญที่ต้องจำ

  1. เลือกประเภทพินัยกรรมที่เหมาะสมกับสถานการณ์
  2. เลือกพยานที่ถูกต้อง (ไม่ได้รับมรดกและคู่สมรสไม่ได้รับมรดก)
  3. เขียนให้ชัดเจน ระบุรายละเอียดครบถ้วน
  4. อธิบายเหตุผล เพื่อป้องกันความขัดแย้ง
  5. เก็บรักษาให้ปลอดภัย และแจ้งคนที่ไว้ใจ

พินัยกรรมไม่ใช่เรื่องซับซ้อนหรือน่ากลัว หากทำถูกต้องตามกฎหมายและเขียนด้วยความรอบคอบ จะช่วยให้การจากไปของเราเป็นการจากไปอย่างสงบ ไม่ทิ้งความขัดแย้งไว้ให้คนที่รัก

การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้มั่นใจว่าพินัยกรรมจะมีผลบังคับตามกฎหมายและสะท้อนเจตนาที่แท้จริงของเราได้อย่างสมบูรณ์

โทร 080-294-5216
อีเมล contact@wunlawealth.com

Similar Posts